ณ ปัจจุบัน MCU หรือ Marvel Cinematic Universe ยิ่งใหญ่และใครๆต่างต้องการที่จะมาร่วมงานกับค่ายหนังค่ายนี้ Marvel Cinematic Universe มีภาพยนตร์ ตลอดระยะเวลากว่า 14 ปีที่ผ่านมา เปิดตัวหนังและซีรีส์มาแล้วกว่า 36 เรื่อง (หนัง 29 เรื่อง ซีรีส์ 7 เรื่อง) ร้อยเรียงเรื่องราวเชื่อมต่อกันผ่านตัวละครสำคัญมากมาย มีหลายโทนหลายเอกลักษณ์และหลายรูปแบบที่ทำให้แฟนๆได้สัมผัสกับมุมมองของหนังและซีรีส์ในขณะนี้ นอกจากนี้ฉาก End-Credits ที่เคยปล่อยออกมาจำนวน 62 ฉาก ยังคงได้รับความน่าสนใจทุกครั้งจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้แฟนหนังและซีรีส์ต้องรอดูให้จบ บางครั้งเป็นการพูดถึงเรื่องราวต่อไปของจักรวาล บางครั้งเป็นมีมออกมาให้เราได้ขำแบบไร้สาระ และบางครั้งก็เป็นการเปิดตัวตัวละครใหม่ๆ ที่สำคัญต่ออนาคตของจักรวาลนี้ คลิปนี้จะพูดถึงฉากเครดิตที่เป็นการเปิดตัว ตัวละครสำคัญในจักรวาลนี้ถือเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำและหาจุดเชื่อมโยงในอนาคตต่อไป และที่ผ่านมา MCU ได้เปิดตัวตัวละครสำคัญอะไรบ้างผ่าน End-Credits ต่างๆพวกนี้ ติดตามครับ
1. Nick Fury (Samuel L. Jackson) – นิค ฟิวรี่
เรานับจุดเริ่มต้นของ MCU จากหนังเรื่อง Iron-Man ในปี 2008 ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีฉาก End-Credit และเป็นการแนะนำตัวละคร Nick Fury ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.หน่วย S.H.I.E.L.D. เขามาหา Tony Stark เพื่อเจรจาในการก่อทั้งทีม Avengers ถ้าเรามองย้อนกลับไปตอนนั้นหลายคนก็คงจะยังนึกภาพไม่ออกว่าการตั้งทีม Avengers จะมีความน่าสนใจขนาดไหน แต่การมาของ Nick Fury เป็นการเปิดทางให้ หน่วย S.H.I.E.L.D. มีบทบาทต่อจักรวาลนี้ รวมถึงความยิ่งใหญ่ของ Avengers ที่แฟนๆต่างภาคภูมิใจในปัจจุบัน ถือว่า Nick Fury คือตัวละครเชื่อมโยงที่สำคัญคนแรกที่ทำให้จักรวาล MCU มีความหลากหลายและมาไกลได้จนถึงทุกวันนี้ ณ ตอนนี้ Nick Fury กำลังจะเล่าเรื่องราวของภัยคุกคามใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน MCU และมีความเกี่ยวข้องกับ Skrulls ติดตามการเดินทางของเขาได้ในซีรีส์ Secret Invasion เร็วๆนี้
2. Thanos (Damion Poitier & Josh Brolin) – ธานอส
ในหนัง The Avengers เป็นการรวมตัวของ Avengers ครั้งแรก พวกเค้าเป็นรุ่นบุกเบิกที่ตราตรึงสำหรับแฟนๆจนถึงทุกวันนี้ ซึ่ง ณ ตอนนั้น Loki คือวายร้ายคนนึงที่มีส่วนสำคัญต่อการเปิดตัวตัวละครใหม่ที่เป็นภัยคุกคามของ Infinity Saga และจบลงไปอย่างสวยงามของ MCU แน่นอนตัวละครตัวนี้ก็คือ Thanos ที่ตอนนั้นรับบทโดย Damion Poitier (เดมิออน พอยเทียร์) เขาอยู่ในอวกาศอันเวิงว้าง และยังไม่มีใครเห็นภาพว่าการมาของ Thanos จะมีผลอย่างไรต่อ MCU แต่การปรากฏตัวของ Thanos สร้างความตื่นเต้นมากๆให้กับแฟนๆในขณะนั้น จนเรื่องราวร้อยเรียงมาบรรจบใน Avengers: Endgame ซึ่งหลังจากนั้น ผู้ที่มารับบท Thanos ก็คือ Josh Brolin ที่สามารถสร้างความตราตรึงและน่าจดจำในตัวละครตัวนี้ จนบางคนบอกว่า Thanos คือตัวร้ายที่ไม่ได้ร้ายแบบไร้เหตุผล และก็ทำให้คนบางกลุ่มในจักรวาลยังเห็นด้วยกับการกระทำของเค้าและเกิดเป็นวลีที่ว่า “Thanos Was Right”
3. Taneleer Tivan, A.K.A. The Collector (Benicio Del Toro)
ก่อนที่ตัวละครตัวนี้จะมีบทบาทใน Guardians of the Galaxy ตัวละคร Taneleer Tivan (ทานีเลียร์ ทิวาน) หรือฉายาที่เรารู้กันดีตือ The Collector ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในฉากเครดิตของหนังเรื่อง Thor: The Dark World ซึ่งเป็นฉากที่ Lady Sif และ และ Volstagg มาหา The Collector เพื่อให้เค้าเก็บ Aether หรือ Reality Stone ไว้ในของสะสมของเค้า เนื่องจากที่ Asgard มี Tesseract หรือ Space Stone แล้วน เพราะ Sif บอกว่าการที่มีมณีอยู่ใกล้กันย่อมไม่ดี ดังนั้นทั้งสองจึงนำมาฝากไว้กับ The Collector ซึ่งเขาเองก็ได้พูดคำที่น่าคิดส่งท้ายว่า มาหนึ่งแล้วเหลืออีก 5 ถือเป็นการทำให้หลายคนเข้าใจและติดตามต่อว่า มณีทั้ง 6 ดวงของ MCU นั้นจะอยู่ที่ใดบ้าง ซึ่ง The Collector ทำให้เราได้เชื่อมต่อไปยังหนัง Guardians of the Galaxy ตัวละครตัวนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในจักรวาลทางเลือกในซีรีส์ Marvel What If…? ที่ดูเก่งกาจและเท่ไปอีกแบบอีกดด้วยครับ
4. Baron Wolfgang Von Strucker (Thomas Kretschmann)
เอนเครดิตของหนังเรื่อง Captain America: The Winter Soldier ถือเป็นการเปิดตัวตัวละครใหม่ สามตัวด้วยกันหนึ่งในนั้นคือ Baron Wolfgang Von Strucker สายลับในหน่วย S.H.I.E.L.D. ที่เป็นไส้ศึกและทำงานลับให้กับ HYDRA ณ ตอนนั้นเขาครอบครองคฑา Loki โดยใช้มันเพื่อทำการทดลองบางอย่างกับมนุษย์จนมีแฝดพิฆาตคู่นึ่งที่รอดจากการทดลองนั้น นั่นก็คือ Wanda และ Pietro Maximoff สองแฝดพิฆาตที่ส่งผลเชื่อมโยงไปยัง Avengers: Age of Ultron ถือว่าการมาของนายพล Strucker เป็นการนำพา Wanda และ Pietro Maximoff ที่ทำให้เรื่องราวได้ผูกโยงกับสองตัวละครนี้ใน MCU มาอย่างยาวนานในเวลาต่อมา
5. Wanda A.K.A. Scarlet Witch & Pietro A.K.A. Quicksilver Maximoff (Elizabeth Olsen & Aaron Taylor Johnson)
สืบเนื่องต่อมาจากนายพล Strucker ณ ตอนนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดูน่าตื่นเต้นมากที่เราเห็น MCU นำพาสองตัวละครนี้เข้ามาในฉากเอนเครดิตนี้การปรากฏตัวของ Wanda และ Pietro Maximoff ทำให้หลายๆคนต่างพูดถึงและสร้างทฤษกีเดาทางกันอย่างมากมาย และ ณ ตอนนั้น MCU ยังไม่ได้ถือครองลิขสิทธิ์ของตัวละครฝั่ง X-Men หรือ Mutants ทำให้การระบุตัวตนและความสามารถทำให้หลายคนคิดว่าทั้งคู่มีพลังได้จาก Mind Stone หรือ คฑา Loki จากการเป็นอาสาสมัครมาในการทดลองของ นายพล Strucker นั่นเอง แน่นอนความสามารถของ Pietro Maximoff มีความเร็วและเป็น Quicksilver เหมือนกับฝั่งของ X-Men แม้ว่าจุดจบของ Pietro Maximoff จะไปเร็วและทำให้แฟนๆหลายๆคนอยากให้ตัวละครนี้กลับมา แต่ Wanda Maximoff คืออนาคตสำคัญที่ ณ ตอนนี้เธอคือ Scarlet Witch คนรักของ Vision และแม่มดที่ทรงพลังที่สุดใน MCU ในขณะนี้ จากซีรีส์ WandaVision ทำให้เราได้เข้าใจว่าเธอนั้นมีพลังมาตั้งแต่เด็ก และได้รับการกระตุ้นพลังจาก Mind Stone ให้แข็งแกร่งขึ้น เป็นกำลังของ Avengers เสียละความรัก โดนย่ำยีหัวใจมาโดยตลอด จนเธอกลายเป็นวายร้ายที่อยากจะเกลียดใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ไม่น่าเชื่อว่าความยิ่งใหญ่ของเธอมาจากจุดกำเนิดเล็กๆ ใน Captain America: The Winter Soldier นั่นเอง
6. Adam Warlock (Will Poulter)
หลังจากที่เรื่องราวของ Guardians Of The Galaxy Vol 2 ได้เล่าถึงเผ่าพันธุ์ Sovereign นำโดยราชินี Ayesha ซึ่งเธอมีแผนการที่จะแก้แค้นเหล่า Guardians Of The Galaxy เธอจึงสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อว่า Adam ภายหลังถูกเปิดเผยว่าสิ่งมีชีวิตที่เธอกำลังสร้างขึ้นมาและเหมือนเป็นดักแด้อยู่ชื่อว่า Adam Warlock ตัวละครที่หลายคนรอคอยมานาน ซึ่งได้รับการยืนยันจากทาง Marvel Studios ว่าผู้ที่จะมารับบทเป็น Adam Warlock คือนักแสดงที่ชื่อว่า Will Poulter ถือเป็นการเปิดตัวตัวละครนี้ครั้งแรกใน MCU ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่เห็นรูปลักษณของตัวละครตัวนี้เลย แต่การมาของตัวละครตัวนี้ใน MCU ทำให้จักราลนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เราต้องมาติดตามการปรากฏตัวตัวละครนี้ใน Guardians Of The Galaxy Vol.3 ที่จะฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 5 พฤษภาคม 2023 นี้
7. J. Jonah Jameson (J.K. Simmons)
การปรากฏตัวของ J. Jonah Jameson ในเครดิตของหนังเรื่อง Spider-Man: Far From Home เป็นการยืนยันเรื่องราวของจักรวาลคู่ขนานใน MCU ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าตอนนั้นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของ Phase ที่ 3 ที่ยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวในประเด็นนี้ในจักรวาลมากนัก แต่มันเป็นการปูทางไปยัง Phase ที่ 4 ที่เน้นหนักเรื่องราวไปที่ Multiverse ได้เป็นอย่างดี ทำให้หลายคนพูดถึงการปรากฏตัวของเค้าเป็นอย่างมากในเวลานั้น ซึ่งตัวละครตัวนี้ปรากฏในจักรวาลของ Spider-Man ฉบับของ Tobey Maguire ที่กำกับโดย Sam Raimi การปรากฏตัวของ J.K. Simmons ในบทบาทของตัวละครนี้ ถือว่าห่างจาก Spider-Man 3 ของ Tobey Maguire เป็นเวลา 12 ปีเลยทีเดียวถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่มีผลต่อเรื่องราวหลักมากนัก แต่มันก็เป็นตัวเชื่อมไปยัง Spider-Man: No Way Home กับการอ้างถึงจักรวาลคู่ขนานของ Spider-Man ได้เป็นอย่างดี
8. White Vision (Paul Bettany)
เป็นที่ทราบดีว่าเรื่องราวของ Vision เกิดขึ้นใน Avengers: Age of Ultron จาก A.I. ของ Tony Stark ที่ชื่อว่า J.A.R.V.I.S. กับ Mind Stone และถูกกระตุ้นพลังงานจากสายฟ้าของ Thor รวมกับร่างที่ทำมาจากไวเบรเนียม ทำให้ก่อกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิต Synthezoid ผู้หยั่งรู้และสามารถถือค้อน Mjolnir ที่ชื่อว่า Vision การเดินทางของ Vision ส่งผลต่อ Infinity Saga อย่างชัดเจนเนื่องจากตัวเขามี Mind Stone ที่เป็นที่ต้องการของ Thonos จึงไม่แปลกที่จุดจบของ Vision จะน่าเศร้าที่ Wanda ได้ใช้พลังระเบิดหัวของเขาเพื่อทำลาย Mind Stone ก่อนที่ Thonos แย่งไป และต้องทำให้เขาตายอีกครั้งหลังจากที่ Thanos ใช้ Time Stone ย้อนเวลาให้ตัวเขากลับมามีมณีที่หัวอีกครั้ง หลังจากนั้นซากหุ่นยนต์ของ Vision ถูกหน่วย S.W.O.R.D นำร่างของเขาไปปรับปรุง ในขณะนั้น Wanda สร้างโลกความจริงทางเลือกอย่าง Hex ขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้พร้อมกับความเจ็บปวดในจิตใจที่เธอสูญเสียอะไรหลายๆอย่างในชีวิตไป ส่งผลให้เธอจิตนาการสร้าง Vision ขึ้นมาจากพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้นั้นก็คือพลัง Chaos Magic ทำให้ Vision ก่อกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งจากจิตในของ Wanda แน่นอน หน่วย S.W.O.R.D ใช้โดรนที่นำเข้าไปใน Hex เพื่อเอาพลังงานมากระตุ้นให้ร่าง Vision ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีชีวิตอีกครั้งในชื่อ White Vision หุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งพร้อมสังหารและต่อกรกับ Wanda นั่นเอง นั่นจึงทำให้เราได้เห็นการเปิดตัวของตัวละครนี้ในเครดิตของซีรีส์ WandaVision ใน EP.8 การถือกำเนิดของ White Vision ทำให้เขาต้องไปปะทะกับ Vision ที่อยู่ใน Hex และถูกปลดล๊อคความทรงจำของ Vision ดั้งเดิมทั้งหมดจาก Vision ใน Hex นั่นเอง จากหุ่นยนต์พร้อมสังหารการเป็นการระลึกถึงตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง และนั่นทำให้เราต้องมาติดตามกันต่อไปว่า White Vision จะกลับมาอีกครั้งในหนังหรือซีรีส์เรื่องอะไรต่อไปของ MCU
9. Loki Variants (Richard E. Grant, Jack Veal & DeObia Oparei)
หลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame ในไทม์ไลน์ปี 2012 ที่เหล่า Avengers ได้ย้อนเวลาไปในเหตุการณ์วันนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่มันควรจะเป็นทำให้ Loki นำ Tesseract วาร์ปหายไป สาเหตุนี้ทำให้เกิดที่มาของเรื่องว่าในซีรีส์ Loki ทั้งหมดและเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในเฟสที่ 4 นั่นก็คือเรื่องราวของจักรวาลคู่ขนาน และไทม์ไลน์ทางเลือก ในซีรีส์ Loki EP.4 ที่มีชื่อตอนว่า “The Nexus Event” ฉากเอนเครดิตมีการแนะนำตัวละครใหม่ที่เป็นตัวแปรของ Loki ที่อยู่ในดินแดนที่เรียกว่า The Void ดินแดนที่ทุกสิ่งที่ถูก TVA ล้างบางลบเส้นเวลา สรรพสิ่งทุกอย่างจะตกมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ นั่นทำให้เราได้เจอกับตัวแปรของโลกิมากมาย ซึ่งเราได้พบกับ Classic Loki, Kid Loki, Boastful Loki และ Alligator Loki นั่นเอง การเป็นเทพเจ้าแห่งความโกลาหล ทำให้รูปแบบตัวแปรของโลกกิมีรูปลักษณ์ที่หลากหลาย ต่างจากตัวแปรของตัวละครอื่นๆ ใน MCU เช่น Wanda หรือ Doctor Strange เรื่องราวของ Loki ยังดำเนินต่อไปในซีซันที่สองติดตามพวกเค้าได้ในอนาคตอันใกล้นี้
10. Pip The Troll & Eros (Patton Oswalt & Harry Styles)
เรื่องราวของฮีโร่พลังเทพเจ้าอย่าง Eternals ทำให้เราได้รู้จักกลุ่มสิ่งมีชีวิตกลุ่มนึ่งที่ถูกสร้างมาจาก Celestial เกี่ยวข้องกับการกำเนิดของจักรวาลอย่างพวก Eternals ที่แฝงตัวอยู่กับมนุษย์มาหลายพันปี เคียงคู่ไปกับการกำเนิดวัฒนธรรมต่างๆมากมายของโลกใบนี้ เพื่อควบคุมจำนวนประชากรให้เหมาะสมต่อการอุบัติของ Celestial ตัวใหม่ที่ฝังเมล็ดพันธุ์อยู่ในแกนโลกหรือดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ความเป็นมนุษย์ทำให้ Eternals หลงรักชีวิตในแบบที่มนุษย์เป็น นั่นทำให้เหล่า Eternals บางคนเลือกที่จะปกป้องอยู่เคียงข้างมนุษย์ แทนที่จะทำให้เกิดการอุบัติและทำลายล้างโลก ในตอนท้ายทำให้เหล่า Eternals ที่ทำนออกเหนือจากภารกิจของ Celestial ต้องถูกพิพากษา และมาดูกันว่า Celestial จะตัดสินโลกใบนี้อย่างไร ซึ่งในตอนท้ายทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครใหม่อย่าง Pip the Troll (แสดงโดย Patton Oswalt) และ Eros (แสดงโดย Harry Styles) หรือฉายา Starfox ผู้หล่อเหลา ผู้เป็นน้องชายของ Thanos นั่นเอง นั่นทำให้เราอยากจะเห็นเรื่องราวต่อไปของ Pip the Troll และ Eros ในอนาคต คู่หูสองคนนี้จะมาสร้างปมอะไรให้ MCU ในเฟส 4 และเฟสต่อๆไปเราต้องมาติดตามในอนาคตแล้วละครับ
11. Blade (Mahershala Ali)
ในเรื่องราวของ Eternals ทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครอย่าง Dane Whitman ที่แสดงโดย Kit Harrington ฉากเครดิตที่ 2 ของหนังเรื่องนี้ก็มีการแนะนำตัวละครใหม่ที่มาแบบเซอร์ไพส์มากนั่นก็คือเสียงของ Mahershala Ali ที่เค้าจะมารับบทเป็น Blade ตัวละครสำคัญของ MCU ในเฟส 4 นี้ การปรากฏตัวของเค้าถึงแม้จะมามาด้วยเสียงแต่ก็สร้างความตื่นเต้นไม่น้อยที่ทำให้เราได้จะเห็น Blade ใน MCU สักทีหลังจากที่ทุกคนต่างตั้งตารอกันมานาน นั่นทำให้เราได้ทำให้ได้รู้ว่า MCU กำลังเปิดโลกของแวมไพร์ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างจริงจัง รวมถึงการเป็นอัศวิน Black Knight กับดาบคู่ใจอย่าง Ebony Blade เรื่องราวของทั้งคู่จะเกี่ยวข้องกันอย่างไรใน MCU ต้องลุ้นกันอีกแล้วครับ
12. Eddie Brock, A.K.A. Venom (Tom Hardy)
จากหนังเรื่อง Spider-Man: No Way Home พูดถึงการเชื่อมต่อของจักรวาลคู่ขนานจากการท่องคาถาผิดพลาดของ Doctor Strange ที่ Peter ต้องการให้เขาช่วยในการที่จะทำให้ทุกคนลืมเขาว่าเขาคือ Spider-Man ที่เป็นผลพวงมาจากเรื่องราววุ่นๆใน Spider-Man: Far From Home ซึ่งฉากเครดิตของหนังเรื่องนี้เป็นการเชื่อมต่อกันจักรวาล Marvel ของทางฝั่งของ Sony Picture ที่เราเรียกว่า Sony’s Spider-Man Universe และ Marvel Studios หรือที่เราเรียกว่า Marvel Cinematic Universe โดยใช้เรื่องราวหลักใน MCU เป็นจุดเริ่มต้น การปรากฏตัวของ Eddie Brock ที่แสดงโดย Tom Hardy กับการที่เขาได้เป็นร่างโฮสให้กับ Symbiote อย่าง Venom เป็นผลสืบเนื่องมาจาก Venom: Let There Be Carnage ในการอ้างถึงจักรวาลทางเลือกอื่นๆ ที่ตัวละครเข้ามาอยู่ใน MCU ซึ่ง Eddie Brock ได้ทิ้งชิ้นส่วนของ Symbiote Venom ก่อนที่เขาได้กลับไปจักรวาลของเขา เพื่อเป็นการปูทางสำคัญไปยังเรื่องราวของ Spider-Man 4 ใน MCU หรืออาจจะเป็นหนังและซีรีส์เรื่องอื่นๆต่อไป
13. Jake Lockley (Oscar Isaac)
ฉากเอนเครดิตของซีรีส์ Moon Knight ใน EP.6 ทำให้เราได้เห็นอีกตัวตนนึงของ Marc Spactor ที่หลบซ่อนมานานและ เหมือนว่าจะเป็นที่ไว้ใจของ Khonshu มากที่สุด ถือเป็นตัวตนที่ 3 ของ Marc Spactor นั่นก็คือ Jake Lockley การมาของ Jake Lockley ทำให้หลายคนลุ้นว่า Moon Knight กลับมาอีกอย่างแน่นอน หลายคนคาดว่าความเป็น Jake Lockley จะทำให้ตัวละคร Moon Knight ในอนาคตมีความดิบเถื่อนมากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับอนาคตของ Moon Knight ใน MCU แต่สามารถสันนิษฐานได้ว่า Lockley จะเป็นส่วนสำคัญของโครงเรื่องในอนาคตของ MCU ต่อไป
14. Clea (Charlize Theron)
การแนะนำตัวละครใหม่จากฉากเครดิตในหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness สร้างคำถามมากมายของการปรากฏตัวของเธอ นั่นก็คือ Clea ในคอมมิกเธอเป็นหลานสาวของ Dormammu และเป็นคนรักอีกคนนึงของ Doctor Strange รวมถึงเธอยังเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง Sorcerer Supreme อีกด้วย นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์ทั้งหมดของ Doctor Strange ทำให้เกิดการ Incursion และเขาต้องมีราคาที่ต้องจ่ายจากการกระทำของเขาเอง ดังนั้นการมาของ Clea จึงสร้างความตื่นเต้นไม่น้อย ซึ่งมันเหมือนเป็นการปูทางไปยังเรื่องราวของสงคราม Multiverse ภัยคุมคามที่ยากจะควบคุมต่อไปของจักรวาลนี้
15. Hercules (Brett Goldstein)
จากหนังเรื่อง Thor: Love And Thunder ได้มีการแนะนำตัวละครใหม่อย่างลูกชายของ Zeus อย่าง Hercules การมาของเขาเพื่อการแก้แค้นที่ Thor เข้าไปปั่นป่วนในเมือง Omnipotence city โดย Thor มีจุดประสงค์ต้องการให้ Zeus ไปจัดการ Gorr แต่เมื่อ Zeus เมินเฉยต่อเหตุการณ์นี้ก็ต้องทำให้ Thor ทำอะไรสักอย่างที่ Zeus ไม่พอใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางกัน การมาของ Hercules ทำให้อาจเดาทางอะไรได้มากมายใน MCU แต่ที่แน่ทำให้เรามั่นใจได้ว่า Thor จะยังคงอยู่ใน MCU ต่อไป ซึ่ง Hercules รับบทโดย Brett Goldstein นักแสดงจากซีรีส์เรื่องดังอย่าง Ted Lasso ที่สตรีมมิ่งทาง Apple TV+ เราต้องมาดูกันต่อไปว่าการเดินทางของ Herculs และ Thor จากความแค้นจะเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนในคอมมิกได้หรือไม่ เราต้องมาติดตามในประเด็นนี้กันต่อไป