คำถามสำคัญหลังดูซีรีส์ SHE-HULK ซีซันที่ 1 จบลง (สปอยล์)

14 ต.ค. 2022

1714

ทำไม Hulk ดูตัวเล็กกว่า Abomination

จากการนำเสนอเรื่องราวของ Hulk ของ MCU ตั้งแต่ The Incredible Hulk และการเดินทางของ Hulk มาทั้งหมด ทำให้เรารู้ถึงความตั้งที่ใจที่ Bruce Banner พยายามที่จะผสานร่างของ Hulk และ Bruce ให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จและทำให้เราได้ทราบว่า ณ ตอนนี้ Hulk ไม่ใช่ Hulk ทั่วไปแต่เขาคือ Smart Hulk ในร่างที่เป็น Hulk มีพลังเท่าเดิมบวกเพิ่มที่ความฉลาดระดับ Banner เข้ามาอีก นั่นจึงทำให้ร่างของเขาดูเล็กลง แต่นั่นไม่ทำให้พลังต่างจากเดิมเลย ซึ่งเรื่องราวก็ได้มีการพูดถึงการเป็น Smart Hulk ในซีรีส์ She-Hulk เรื่องนี้ด้วย

จะมี She-Hulk ซีซันที่ 2 หรือไม่

ถือว่าเป็นคำถามจากหลายๆคนที่ถามกันมากับซีรีส์ทุกเรื่องที่จบลงว่าจะมีซีซันที่ 2 อีกหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้เราต้องดูถึงปัจจัยหลายๆอย่างด้วย ว่าเรื่องราวต่อมาของ MCU จะรองรับให้ She-Hulk มีซีซันที่ 2 อีกไหม แต่ที่แน่ๆ ซีรีส์ Loki ซีซันที่ 2 มีแน่นอน เพราะกำลังอยู่ในช่วง Podt-Production และการถ่ายซ่อมแล้ว เรื่องราวของ She-Hulk มีอะไรให้เอามาเล่าอีกมากมาย เพราะตัวละครตัวนี้มีความยืดหยุ่นในเชิงการเล่าเรื่องสูงมาก ในคอมมิก She-Hulk ก็มีความเกี่ยวข้องกับตัวละครของ Marvel เยอะมาก ดังนั้นโอกาสที่เราจะได้เห็น She-Hulk ใน MCU ในหนังเรื่องอื่นๆ มีอย่างแน่นอน รวมถึงซีซันที่ 2 ของต้วเธอเอง ไม่เพียงแต่การเป็นทนายของตัวละครจะหยิบยกประเด็นอะไรต่างๆ มาเล่นได้อีกเยอะ แต่ตัวละคร She-Hulk ก็สามารถสร้างความแปลกใหม่ให้กับ MCU ได้อีกมากเช่นกัน ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการสร้างซีรีส์ She-Hulk ซีซันที่ 2 หรือไม่ แต่ความเป็นไปได้ก็มีสูงมากกว่า 50% แล้วที่เราจะได้เห็นเธอกลับมา ไม่แน่อาจจะมีหลังเดียวของเธอไปเลย ในอนาคตก็ย่อมเกิดขึ้นได้ ถ้าสมมติมี She-Hulk ซีซันที่ 2 จริง อัครคิดว่าน่าจะมาหลังจากเฟสที่ 6 ไปแล้วเป็น SAGA หน้าไปเลย หรืออยู่ในช่วงปลายเฟสที่ 6 แต่ก็เป็นไปได้ยาก

การมาของ HulkKing ทำลายทฤษฎีแฟนๆ หรือไม่

การที่แฟนๆ ตั้งความหวังว่าตัวร้ายของ She-Hulk จริงๆจะเป็นคนนั้นคนนี้ นึ่งในนั้นคือทฤษฎีใหญ่สุดที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือตัวละคร The Leader หรือ Samuel Sterns ตัวละครจาก The Incredible Hulk ปี 2008 นั่นหักมุมมากๆ แต่ตัวละ Todd หนึ่งในคู่เดทของ She-Hulk ก็มาปรากฏในซีรีส์หลายซีนจนเป็นที่น่าสงสัย และในเครดิจของตอนนึงบางประเทศ บอกว่า Todd คือ Todd-Hulk หลุดออกมานั่นก็ทำให้ในใจมีความคิดว่า Todd น่าจะเป็น HulkKing เนื่องจากความน่าสงสัยของการสนทนาในการเดทของ Jen และ Todd มีแต่เรื่องของ Hulk และพลังของสายเขียว นั่นทำให้เรารู้ว่า Todd คือ HulkKing และตั้งกลุ่ม Intelligenciaกลุ่มชายที่ต่อต้านการเป็น Hulk ของ Jen หลายคนอาจคาดหวังอะไรที่ขัดต่อโทนของเรื่องราวที่เขาวางไว้ แต่นั่นคือการที่เราได้เห็นมุมของใหม่ๆ ที่ MCU สามารถทำอะไรก็ได้ นั่นเอง

ทำไมตอนจบของ She-Hulk ถึงเป็นแบบนี้

การที่ Jen คุยกับคนดูได้ และทำลายกำแพงที่เรียกว่า Break The 4th Wall ถือเป็นการให้เกียรติคอมมิก She-Hulk มากๆ ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนคอมมิกก็คงถูกใจไม่น้อย และดูเหมือนว่าจะมีคนที่ชอบตอนจบแบบนี้มากกว่าคนไม่ชอบอีกด้วย ตามที่อัครได้ทำโพลเอาไว้ หลายคนคงยังไม่เข้าใจกับกำแพงที่ 4 ซึ่งมันเป็นที่มาและเป็นคำเปรียบเทียบของการแสดงละครเวทีที่เราจะเห็นนักแสดงต่างๆ พูดคุยกันเพียงแค่สามุมเท่านั้น นั่นคือมุมซ้าย มุมขวา และมุมด้านหลังเท่านั้น เพราะมุมด้านหน้าคือคนดูที่จะทำได้เพียงแค่รับชมเท่านั้น แต่มันก็มีบ้างการแสดงแต่ละครั้ง นักแสดงเลือกที่จะทำลายกำแพงด้านหน้าหรือกำแพงที่ 4 นี้เพื่อสร้างอรรถรสในการรับชมนั่นเอง ฉากที่เจนเดินทางข้าม Disney+ เดินทางสู่ “โลกแห่งความจริง” ในขณะที่เรื่องราวของ She-Hulk จะเป็นเรื่องราวของ MCU ในตัวของมันเอง การที่ She-Hulk ทำแบบนี้เป็นการบอกให้เรารู้ว่าทีมงาน และ ผู้บริหารทั้งหมดของ Marvel Studios รับรู้ถึงความคาดหวังของแฟนๆ ข่าวสาร ปัญหาต่างๆ รวมถึงทฤษฎีที่แฟนๆ ได้ขับเคลื่อนจักรเวลา MCU ให้เป็นกระแส เราควรจะยึดมั่นคำบางคำได้ว่า ไม่มีใครสามารถทำอะไรให้ถูกใจเราได้เสมอไปซะทุกอย่าง และโลกนี้มีความหลากหลายทั้งในตัวบุคคล รวมถึงทุกๆสิ่ง ดังนั้นเราต้องไม่ยึดติด และยอมรับความหลากหลายและสิ่งที่จะเป็นไป หาจุดที่มีความสุขสำหรับเราในการเลือกเสพจักรวาล MCU ให้ได้ แล้วอัครคิดว่าเราจะสนุกไปกับทุกๆเรื่องที่เขาได้ทำเสนอออกมาให้เราดูนั่นเอง

She-Hulk และ Daredevil เป็นคู่รักกันหรือไม่

โอกาสที่เราจะได้เห็น She-Hulk ในซีรีส์ Daredevil: Born Again ซีรีส์เดี่ยวของ Daredevil ที่ Marvel Studios ประกาศว่าจะฉายที่ Disney+ ช่วงปี 2024 และเป็นซีรีส์ที่มีจำนวนตอนที่เยอะที่สุดของ MCU อีกด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่น่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะความสัมพัมธ์ของตัวละครระหว่าง Jen และ Matt ปูทางเอาไว้อย่างแนบแน่นมากเหลือเกินอีก และทั้งคู่ยังเป็นทนายความเหมือนกันอีก การปูทางให้ทั้งคู่มีความลึกซึ่งต่อกันถึงแม้ว่าจะเป็นอะไรที่ One Night Stand แต่ก็ทำให้ทั้งคู่สร้างความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นต่อมา และดูเหมือนว่า Matt จะเป็นคนเข้าหา Jen ก่อน ฉากกินบาร์บีคิวที่สนามหญ้าที่บ้านของเจน บอกอะไรเราได้หลายมุมมอง เพราะเหมือนเป็นการเปิดตัว Matt กับครอบครัวของ Jen ราวกับทั้งคู่จงใจที่จะคบหากันต่อไป ส่วนอนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ Daredevil จะปรากฏตัวในซีรีส์ Echo ของตัวละคร Maya Lopez หนึ่งในผู้ที่เคยทำงานให้กับ Kingpin จากเรื่องราวในซีรีส์ Hawkeye นั่นเอง และใน Daredevil: Born Again เราก็คงจะได้เห็นเขาเล่าเรื่องราวใน New York ที่เป็นที่ตั้งของสำนักทนายของเขาที่ Hell’s Kitchen หวังว่า Marvel Studios จะสามารถหาวิธีที่จะได้เห็นทั้งคู่อีกครั้งบนหน้าจอได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ใน Avengers: The Kang Dynasty และ Avengers: Secret Wars อีกด้วย

ฉากเอนเครดิต หมายถึงอะไร

หลังจากที่เรื่องราวทำให้ Emil Blonsky ต้องกับมาถูกจองจำในคุก Supermax ของ D.O.D.C. อีกครั้งเป็นเวลา 10 ปี โทษฐานที่ผิดคำสั่งศาลในการกลายร่างเป็น Abomination หลังจากที่ศาลให้ใส่เครื่องกดพลังเอาไว้ แต่ใน EP.7 ดูเหมือนว่าเครื่องกดพลังมีปัญหาจึงทำให้เจ้าหน้าที่ภาคทัณฑ์ต้องมาตรวจสอบ แต่ดูเหมือนการทำให้เครื่องมีปัญหาเป็นความจงใจของเขา เนื่องจากฉากเครดิตภาพวาดใน EP.9 เราเห็น Emil นำเครื่องกดพลังไปใส่ไว้ที่คอไก่สัตว์เลี้ยงแสนรักของเขา นั่นจึงทำให้เขาสามารถกลายร่างเป็น Abomination ได้ทุกเมื่อ แต่เจตนาการกลายร่างเขาก็ไม่ได้คิดร้ายเพียงเพราะแต่ต้องการจะหารายได้ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ในตอนจบนี้ จากเรื่องราวของ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ทำให้เราเห็นการปรากฏตัวของ Abomination ในฐานะคู่ต่อสู้ของ Wong ในแดนประลองที่ The Golden Dagger แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นั้น Abomination เป็นเพียงคู่ซ้อมเพื่อให้ Wong ได้เป็นมหาจอมเวทย์ หรือ Sorcerer Supreme ในเวลาต่อมา การปรากฏตัวของ Wong อีกครั้งที่ฉากเอนเครดิต เพื่อนำพา Emil Blonsky ไปอยู่ที่ Kamar-Taj มีความหมายอะไรต่อไปในอนาคตของ MCU

Abomination จะกลับมาเมื่อไร

ใน EP.3 บอกว่ากฏหมายของ America ไม่สามารถเข้าทางกับ Wong ได้เลย ดังนั้นเขาจึงกระทำการนี้โดยขัดต่อกฏหมายของ America อย่างชัดเจนที่ขโมยตัวนักโทษนี้ การที่ Jen ไปร้องเรียนต่อ K.E.V.I.N ที่การดำเนินเรื่องในตอนจบมีความเป็นสูตรสำเร็จเกินไป และเหมือนเป็นการตบหน้าคนดูที่ตั้งประเด็นต่างๆมากมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ Marvel Studios รวมถึงทฤษฎีของวายร้ายในเรื่อง อาจเป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็น Abomination ในหนัง Thunderbolts ที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมีกำหนดฉายในปี 2024 ที่ได้ Yelena น้องสาวของ Natasha เป็นผู้นำในทีมนี้ ขณะที่ตามเรื่องราวของ Emil Blonsky ได้รับเลือกจากนายพลรอส หรือ Thaddeus E. “Thunderbolt” Ross ให้มาอยู่ในทีมของเขาเพื่อมากำจัด Hulk ใน The Incredible Hulk ปี 2008 นี่คืออีกหนึ่งความเชื่อมโยงที่เราอาจจะได้เห็น Abomination ปรากฏตัวอีกครั้งในโปรเจคนี้ แต่ก็ไม่แน่เรื่องราวของ Captain America: New World Order ที่ประกาศว่าตัวละคร Samuel Sterns จะกลับมาในหนังเรื่องนี้ผู้ที่มีความเกียวข้องกับการที่ Emil Blonsky เป็น Abomination ตั้งแต่ใน The Incredible Hulk ปี 2008 ก็อาจจะเป็นหนึ่งในการนำพาให้ Abomination ปรากฏตัวก็เป็นได้ ซึ่งตามคอมมิก Samuel Sterns หรือ The Leader คือวายร้ายคนสำคัญที่ทำให้นายพลรอสกลายเป็น Red-Hulk แต่ใน MCU เรื่องราวย่อมหักมุมและเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อซึ่งเราต้องมาลุ้นกันต่อไปเพราะอะไรมันก็เป็นไปได้ทุกอย่างแล้วของ MCU ในตอนนี้ และ Abomination จะกลับมาอีกไหมต้องมาลุ้นกันต่อไปครับ

K.E.V.I.N คือ One above All ของ MCU หรือไม่

ในคอมมิก One above All คือตัวละครที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาลฮีโร่ของคอมมิกส์มาร์เวล และไม่มีใครเหนือกว่าอย่างแน่นอน เขาสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าเป็นผู้สร้างสรรค์หรือผู้ทำลาย เขาเคยปรากฏตัวในรูปแบบของ Stan Lee หรือ Jack Kirby ในคอมมิกอีกด้วย และรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย และก็ดูเหมือนว่าผู้ที่สามารถกำหนดเรื่องราวของตัวละครใน MCU ก็คือ K.E.V.I.N. หรือชื่อเต็มว่า (Knowledge Enhanced Visual Interconnectivity Nexus) ปัญญาประดิษฐ์ ที่ใช้อัลกอริทึมในการสร้างเนื้อหาเรื่องราวของ Marvel Cinematic Universe ซึ่งดูแล้วก็ทำให้เรานึกถึง One above All ในคอมมิกนั่นเอง ถึงแม้ว่าเราไมไ่ด้ชี้ชัดว่า One above All คือ K.E.V.I.N แต่นั่นชี้ทางว่า K.E.V.I.N คือสิ่งนึงใน MCU ที่มีไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ แต่ She-Hulk เหมือนจะเป็นคนแรกที่สามารถไปหาเค้าได้ การปรากฏตัวของ K.E.V.I.N ในตอนจบของ She-Hulk เป็นอะไรที่แปลกใหม่และสร้างความฮือฮาให้กับคนดูไม่น้อย จากการให้สัมภาษณ์ของ Jessica Gao หัวหน้าทีมเขียนบทของซีรีส์เรื่องนี้บอกว่า เราอาจตอบได้ไม่ชัดเจนว่า K.E.V.I.N คือ One above All ของ MCU หรือไม่ แต่ดูแล้วคนที่สามารถบอกให้ K.E.V.I.N เปลี่ยนเรื่องราวของเหตุการณ์ได้ ย่อมไม่ธรรมดาว่าไหมละ

ลูกชายของ Hulk คือใคร

จากเรื่องราวใน EP.1 ที่เราเห็นยานสื่อสารของ Sakaar ปรากฏมาจนเป็นที่มาให้ Jenifer มีพลังเป็น She-Hulk และใน EP.2 Hulk ออกนอกโลกพร้อมกับยานของ Sakaar ซึ่งในตอนจบก็ทำให้เราทราบอย่างชัดเจนว่า Hulk ไปนอกโลกทำไม นั่นคือ Hulk ไปหาครอบครัวที่ ดาว Sakaar ซึ่งนั่นเป็นเหตุการณ์ในช่วง 2 ปีที่ Hulk หายไปก่อนเรื่องราวใน Thor: Ragnarok เพราะ Hulk ไม่ได้ปรากฏในเหตุการณ์ของ Civil War เลย การที่เขาหายไป 2 ปี นั่นคือ Hulk ไปมีครอบครัวอยู่ที่นั่น แต่เราไม่รู้ว่าภรรยาของ Hulk จะเป็น Caiera ตามคอมมิกหรือไม่ แต่ดูจากทรงผมของลูกชาย Hulk ที่ชื่อ Skaar ก็แอบมีความคล้ายกับรูปลักษณ์ของตัวละคร Caiera มากๆเลยเพราะเถิดๆเหมือนคล้ายกัน นักแสดงที่มารับบาเป็น Skaar ใน MCU ก็คือ Wil Deusner ที่เคยเล่นในซีรีส์ Stargirl ของ DC ในคอมมิก Skaar มีความสามารถและพลังที่คล้ายกับของ Hulk มีพละกำลัง ความทนทาน ความแข็งแกร่ง และประสาทสัมผัสที่มาจากการเป็น Hulk เช่นเดียวกับ Hulk แต่สิ่งที่ต่างจาก Hulk คือพลังจากแม่อีกทางด้วยเช่นกัน นั่นทำให้ Skaar เป็นอีกตัวละครนึงที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

อนาคตของชาวพลังเขียวใน MCU

ในฉบับของ MCU ซึ่งการที่เรา Marvel Studios จะสามารถทำหนังเดี่ยวของ Hulk ได้แบบสมบูรณ์แบบก็คือในเดือนมิถุนายน 2023 เนื่องจากปัญหาลิขสิทธิ์ตัวละครกับทาง Universal ที่มีมาอย่างยาวนานจะสิ้นสุดลงในช่วงเดือนนี้ การปรากฏตัวของ Skaar เป็นการปูทางไปยัง World War Hulk และเรื่องของ Planet Hulk อย่างแท้จริงในอนาคต รวมถึงตัวละคร Skaar ก็อาจจะเป็นความหวังใหม่ที่เราอยากจะเห็น Young Avengers อีกด้วย