วันอังคาร, 30 เมษายน 2567

เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อความบ้าคลั่งของ Multiverse ใน Doctor Strange 2

27 ต.ค. 2021
1465

เมื่อ Multiverse ใน MCU ได้กำเนิดขึ้นทำให้เกิดไทม์ไลน์คู่ขนาน ที่แตกแขนงออกมามากมาย ซึ่งหลายคนอาจจะวิเคราะห์ได้ว่า การเกิดขึ้นของ Multiverse อาจส่งผลทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต หรือเกิดตัวแปรของสิ่งมีชีวิตที่เราเรียกว่า Variant และความวุ่นวายต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ของจักรวาล และการแย่งชิงความเป็นหนึ่งของแต่ละมิติ แน่นอนรอยแยก รอยร้าวของการแตกแขนงนี้อาจเกิดความวิบัติที่ทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความทรงพลัง หรือความบ้าคลั้งอื่นๆ ทำให้เหล่าฮีโร่จะต้องหาทางเอาชนะและแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งหนังและซีรีส์ของ MCU ที่กำลังฉายในเฟส-4 อยู่นี้ ย่อมมีเหตุการณ์เป็นต้นเหตุของความบ้าคลั่งของ Multiverse ซึ่งจะมีเหตุการณ์อะไรบ้างนั้น ติดตามบทความนี้ครับ

1. การใช้ถุงมือ Infinity Gauntlet ซ้ำหลายครั้ง

ดูเหมือนว่าหายนะต่างๆ จะเกิดขึ้นในหลายๆมิติคู่กันไป อย่างเช่นในหนั่งเรื่อง Doctor Strange ก็บอกชัดเจนว่า การมีอยู่ของ Sanctum Sanctorum เพื่อปกป้องโลกจากภัยคุกคามต่างมิติ เช่น Dormammu และวายร้ายอื่นๆ ดังนั้น Ancient One, Wong หรือ Stephen Strange จะทำหน้าที่ดูแลเราจากมิติคู่ขนานอื่นๆ เพื่อไม่ให้เหล่าวายร้ายหลุดรอดไปยังมิติปกตินั่นเอง เพราะฉะนั้นรอยแยกของมิติ อาจส่งผลถึงหายนะได้ไม่มากก็น้อย การใช้ Infinity Gauntlet ที่ประกอบด้วย Infinity Stone อาจจะทำให้รอยแยกจากมิติต่างๆ เกิดการไม่เสถียรและอาจทำให้มีอะไรบางอย่างหลุดรอดออกมาข้ามมิติก็เป็นได้ ซึ่งใน MCU มี Thanos คนแรกที่สามารถใช้ Infinity Gauntlet ได้สำเร็จ และใน MCU มีการใช้ Infinity Gauntlet ทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรกคือการที่ Thanos ใช้มันลดจำนวนประชากรกว่าครึ่งจักรวาลไปใน Avengers: Infinity War และครั้งที่ 2 ใน Avengers: Endgame ที่เขาใช้มันเพื่อทำลายถุงมือและมณี เนื่องจากเขาได้ทำภารกิจที่เขาตั้งใจไว้สำเร็จแล้วนั่นเอง ต่อมาหลังจากนั้น 5 ปี Bruce Banner ในร่าง Professor Hulk ทำการ Snap เพื่อ Blip นำทุกคนที่หายไปกลับมาและครั้งสุดท้ายคือ Tony Stark ใช้ Infinity Gauntlet เพื่อกำจัดกองทัพ Thanos จากเส้นเวลาอื่นให้หายไป

เห็นได้ชัดว่าการใช้พลังของ Infinity Stones ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจส่งผลกระทบอันใหญ่หลวง ตามที่ Ajak ผู้นำกลุ่ม Eternals ได้บอกไว้ว่า โลกนี้เกิด Emergence หรือภาวะฉุกเฉินที่อุบัติขึ้น ที่ต้องทำให้เหล่า Eternals ต้องมารวมตัวกันนั่นเอง

2. การที่ Wanda ได้กลายเป็นแม่มด Scarlet Witch

เหตุการณ์ใน Avengers: Infinity War และ Avengers: Endgame อาจยังไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่ทำให้ Multiverse ถูกทำลาย เมื่อ Wanda Maximoff ได้ยอมรับชะตากรรมของเธอในฐานะแม่มด Scarlet Witch โดยก่อนหน้านี้ Wanda ก็มีพลังเหมือนกับฮีโร่คนอื่นๆใน MCU โดยเธอเเข้ารับการทดลองโดย Hydra และถูก Mind Stone กระตุ้นพลังบางอย่างที่มีอยู่ในตัว ตามที่ Agatha Harkness ได้เห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ และบอกเธอว่าเธอคือ Scarlet Witch แม่มดในตำนาน และในคอมมิก Scarlet Witch เป็น Nexus Being อีกด้วย ดูเหมือนว่า Wanda จะมีอำนาจมากพอที่จะส่งผลต่ออนาคตของ MCU มากๆ ซึ่งเธอมีเวทย์มนตร์ที่เรียกว่า Chaos Magic ที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังฝึกปรือเวทย์มนตร์นี้ให้แข็งแกร่งและอาจสร้างความปั่นป่วนในหนังเรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถติดตามได้ในซีรีส์ WandaVision

3. เมื่อ Sylvie สังหาร He Who Remains เพื่อปลดปล่อย Kang

ในซีรีส์ Loki ทำให้เราได้เข้าใจเรื่องราวของ Multiverse มากขึ้น โดยในเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์นี้มี Multiverse เกิดขึ้นอยู่ปกติแต่ เมื่อเวลาเกิดทางมาที่ศตวรรษที่ 3000 ทำให้แต่ละ Mutiverse สามารถไปมาหาสู่กันได้ สิ่งที่ไม่ปกติคือแต่ละ Mutiverse ก็ไม่ได้มีเจตนาดีต่อกันเสมอไป การแลกเปลี่ยนวิทยาการอาจสร้างความโลภในการต้องการความเป็นนึงและอยากจะพิชิตทุกจักรวาลให้เป็นของตนเองซึ่ง He Who Remains เป็นผู้เล่าเหตุการณ์นี้ให้ฟังและเขาก็สามารถควมคุมจักรวาลต่างๆได้ โดยใช้สัตว์ประหลาดที่เกิดจากรอยแยกมิติที่เรียกว่า Alioth และกำหนด Sacred Timeline หรือเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ให้ปรากฏเพียงเส้นเดียว และสร้าง TVA ควบคุมเส้นเวลานี้ไม่ให้เกิดการแตกแขนงออกมาได้นั่นเอง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ทำให้เราเดาได้ว่ามี Variant ของ He Who Remains ที่น่าจะชื่อ Kang the Conqueror ที่มีความคิดจะพิชิตจักรวาลทั้งหมดตามในคอมมิก

โดยในตอนจบของซีรีส์ Loki Season ที่ 1 Sylvie และ Loki ได้เดินทางไปยัง Citadel at the End of Time เพื่อแก้แค้นในเหตุที่ TVA ทำไลน์ไทม์ไลน์เกิดของเธอที่แตกออกจาก Sacred Timeline ทำให้เธอต้องหลบหนีไปอยู่ในไทม์ไลน์ต่างๆ อย่างลำบากตั้งแต่เด็กๆ ถือเป็นความแค้นส่วนตัวที่เธอต้องการความเป็นอิสระของไทม์ไลน์ที่ไม่ต้องมีใครบ่งการหรือมาควบคุม นั่นเป็นเหตุให้เธอจำเป็นต้องสังหาร He Who Remains ส่งผลให้เราเห็นการแตกแขนงของเส้นเวลามากมาย รวมถึงการที่เราได้เห็น TVA อีกไทม์ไลน์ที่มีรูปปั้นขนาดยักษ์ที่ดูคล้าย Kang the Conqueror อย่างมาก นั่นหมายความว่าตัวละคร Kang the Conqueror ได้กำเนิดขึ้นอีกครั้งและเขาจะกลับมาใน Ant-Man and the Wasp: Quantumania อย่างแน่นอน

4. เมื่อ Doctor Strange Supreme ทำลายจักรวาลของตนเอง

ประเด็นนี้อาจจะไม่ใช้ความเชื่อมโยงที่ชัดเจนมากนักเพราะ ซีรีส์ Marvel What If…? เป็นเพียงการนำเสนอความจริงทางเลือกที่อาจจะเกิดขึ้นใน MCU แต่ในบางประเด็นก็อาจมีความเป็นไปได้เพียงแต่ในจักรวาลหลักอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวละคร หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานณการณ์ที่คล้ายๆกัน โดยใน EP.4 ของซีรีส์ Marvel What If…? การตายของ Christine Palmer ส่งผลให้ Doctor Strange กลายเป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่หรือที่เราเรียกว่า Sorcerer Supreme นั่นเอง โดยหมอแปลกต้องการคืนชีพคนรักของเขา จึงไปดูดซับพลังจากสิ่งมีชีวิตต่างมิติ จนเขาทำลาย “absolute point” ของจักรวาลตนเองเนื่องจากเขาบิดเบือนความจริงที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรแฟนสาวของเขาต้องตายเท่านั้น แต่เมื่อเขาฝืนชะตาตรงนี้ก็ทำให้ จักรวาลก็เริ่มค่อยๆทำลายตนเอง จนทำให้จักรวาลของเขาพังลงเหลือเขาอยู่คนเดียวในจักรวาลนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันในจักรวาลหลักก็เป็นได้ถ้ามีใครทำลายจุดสัมบูรณ์ของเวลาที่เรียกว่า “absolute point” ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการแตกหักของ Multiverse ก็เป็นได้

5. วงแหวนทั้งสิบวงของ Shang-Chi ส่งสัญญานไปหาใคร?

ถึงแม้ว่าเรื่องราวของ Shang-Chi ไม่ได้เน้นหนักที่เรื่องราวของ Multiverse แต่ปมบางอย่างในเรื่องทำให้เรารู้ว่า Ten Rings ที่ Shang-Chi ใส่อยู่นั้นมีการส่งสัญญานไปที่ Multiverse ไหนสักแห่ง โดยในเรื่องเราจะได้รู้จักกับมิติที่ชื่อว่า Ta-Lo ที่ประตูของมิตินี้จะเปิดออกทุกวันเชงเม้งของทุกปี โดยเมือง Ta-Lo นี้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยราวกับ Wakanda ที่ยังไม่เปิดประเทศเลยก็ว่าได้ เพียงแต่อยู่คนละมิติกับโลกที่เราอยู่ปัจจุบันเท่านั้นเอง โดยการส่งสัญญานของ Ten Rings อาจไปทำลายเขตกั้นแดนของ Multiverse เพื่อให้อะไรบางอย่างเข้าสู่มิติปัจจุบันก็เป็นได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยแยกของ Multiverse ได้นั้นเอง

6. การรวมตัวกันของเหล่า Eternals

แม้ว่าเรื่องราวของ Eternals กำลังจะเข้าฉายให้เราได้ชมซึ่งก็อาจจะมีอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น แต่จากตัวอย่างนี้เผยให้เราได้รู้ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างนี้ที่ทำให้เหล่า Eternals ต้องออกมารวมตัวกันอีกครั้งนี้อาจเป็นการที่เหล่า Deviant ปรากฏมาบนโลกอีกครั้ง เหมือนกับครั้งที่พวกเขาได้กำจัดปีศาจเหล่านี้เมื่อตอนที่พวกเขาได้มาที่โลกเป็นครั้งแรกๆ ซึ่งจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้มาจากการที่ Hulk ดีดนิ้วนั้นเอง ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบว่า Deviants ต่างๆโผล่ออกมาอีกครั้งจากที่ใด หรือการดีดนิ้ว Hulk ได้ทำลายมิติที่พวก Deviants ถูกขังไว้และข้ามมายังโลกตรงรอยแยกของ Multiverse ก็เป็นได้ ซึ่งสามารถไปพิสูจน์เรื่องราวนี้ที่โรงภาพยนตร์ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 นี้

7. คาถาที่ทำให้ทุกคนลืม Peter ว่าเขาเป็น Spider-Man

เมื่อ Peter Parker ถูกเปิดเผยตัวตนว่าตนเองเป็น Spider-Man จากเหตุการณ์ในช่วงท้ายของ Spider-Man: Far From Home ทำให้ Peter ต้องมาขอความช่วยเหลือกับ Doctor Strange ที่ต้องการทำให้ทุกคนลืมว่าเขาเป็นใคร โดย Doctor Strange ได้ใช้เวทย์มนตร์ในการร่ายคาถาเพื่อช่วย Peter แต่อาจจะเกิดความผิดพลาดบางอย่างเนื่องจาก Peter ตระหนกมากเกินไป พูดเยอะจนรบกวนสมาธิของหมอแปลก จนทำให้คาถาอาจเกิดความผิดพลาด และอาจจะส่งผลต่อ Multiverse อื่นๆที่ทำให้ตัวละครจาก Spider-Man ในจักรวาลอื่นๆ มาปรากฏในหนังเรื่องนี้ ซึ่งในประเด็นนี้ยังไม่ยืนยันจริงๆ เนื่องจากเรื่องราวของ Spider-Man: No Way Home ยังไม่ได้รับการฉายให้เราได้ชม แต่คาดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ส่งผลต่อความวุ่นวายและความบ้าคลั่งของ Multiverse อย่างแน่นอน แต่จะออกมาในรูปแบบไหบ เตรียมตัวติดตามชม Spider-Man: No Way Home ในโรงภาพยนตร์วันที่ 23 ธันวาคม 2564 ในประเทศไทยได้เลยครับ