รีวิวหลังดู มู่หลาน (Mulan Live Action 2020)
ถ้าใครยังจำ Mulan ฉบับการ์ตูนในปี 1998 และติดภาพจำมาจากตอนนั้นผมต้องบอกทุกคนว่า อาจทำให้หลายคนที่ผิดหวังไปตามๆกัน เนื่องจากการนำเสนอของหนังในเวอร์ชันนี้ จะไม่มีตัวละครอย่า มู่ซู และจิ้งหรีด คู่หูของ มู่หลานในเรื่องนี้แน่นอน
หนังนำเสนอให้ดูมีความเป็น Live หรือความสมจริงที่สุดเลยตัดความเป็นแฟนตาซีออกไปมากพอสมคร รวมถึงการมีกระแสโจมตีของทางชาวจีนที่บอกถึงความไม่เหมาะสมที่จะนำเอามังกร สัตว์ชั้นสูงและศักดิ์สิทธิ์ของจีนมาแสดงเทียบเคียงมนุษย์นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการปรับตัวละครที่หลายๆคนที่ชอบนี้ออกไป
บอกตามตรงว่าผมเองก็จดจำภาพมู่หลานในแบบฉบับของการ์ตูนในสมัยตอนเป็นเด็กนั้นอย่างเลือนลางมาก ทำให้ผมไม่ได้คาดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังมากนัก โดยหลังจากที่ผมได้เดินออกจากโรง รู้สึกโอเคมากกับหนังเรื่องนี้ และไม่ได้แย่อย่างที่โลกโซเชียลบ่นกันว่า หนังมาผิดทาง อาจเป็นเพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับหนังเรื่องนี้ รวมถึงภาพจำของหนังในแบบฉบับการ์ตูนเมื่อ 21 ปีก่อนแทบไม่มีในหัวเลย จึงทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้อย่างเปิดใจและเป็นกลางในระดับนึง แต่หนังขาดเสน่ห์อย่างนึงที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังดิสนีย์ก็คือการร้องเพลงประกอบเรื่อง ในช่วงที่น่าตื่นเต้นต่าง ๆ หรือช่วงพีคของเรื่อง ซึ่งตรงนี้แหละผมมองว่าเป็นจุดด้อยของหนัง แต่หนังก็ยังมีการบิ้วอารมณ์ของเราไปกับดนตรี ทำนองต่าง ๆ เพื่อจูงใจเราให้อินไปกับเหตุการณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี
การดำเนินเรื่องในช่วงแรกของหนังมีความราบเรียบไปนิดนึง ซึ่งหนังมีความพีคในช่วงท้ายๆของเรื่องไปแล้ว เลยทำให้คนดูหลายๆคนอาจมีความน่าเบื่อไปในช่วงแรกได้ แต่ผมมองว่าในความราบเรียบนี้ก็ทำออกมาแบบไม่จำเจอะไร เนื่องจากหนังมีความกระชับ เร็ว และเข้าใจง่าย โดยเราไม่ต้องมาทราบว่า ใคร เป็นอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร คือ ไม่ต้องปูทางตัวละครเยอะนั้นเอง
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดคือซีนอารมณ์ ซีนดรามา ของหนังการเชือดเซือนกันของตัวละครในเรื่องล้วนมีมิติที่เข้ากันได้อย่างลงตัว นักแสดงที่เล่นในหนังเรื่องนี้ก็แสดงได้ดีมาก โดยเฉพาะนางเอก คือมู่หลาน ที่รับบทโดยหลิวอี่เฟ่ย เธอเล่นได้อย่างดีมาก และเหมาะสมแล้วที่มารับบทนี้ ซึ่งก่อนหน้าที่หนังจะฉายก็มีกระแสดรามาของเธอในการที่จะมารับบนำนี้ ผมมองว่าดิสนีย์เค้าคิดดีแล้วที่จะเลือกใครมาเล่นเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ในเรื่องต่าง ๆ อย่างกระแสของเจ้าหญิงแอเรียล ใน The Little Mermaid ที่กำลังจะถูกสร้างเป็นหนังในแบบ Live action เช่นกัน โดยได้นักร้อง R&B อย่าง ฮัลเล เบลลีย์
มารับบทนี้ก็ถูกกระแสจากแฟนๆหนังโจมตีอย่างมาก แต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจและไม่ยึดติดและเคารพการตัดสินใจของดิสนีย์เช่นกัน ซึ่งเธอเองก็มีความสามารถในด้านการร้องเพลง และการแสดงเป็นอย่างมาก อย่างที่ผมได้ชมการแสดงของเธอในงาน VMA 2020 ที่เธอได้ Live โชว์ที่งานกับพี่สาวของเธอถือว่าน่าประทับใจและมีเสน่ห์เลยทีเดียว
สำหรับเรื่องงานภาพ CG และฉากต่างๆ ผมมองว่าคือเรื่องเด่นของหนังเรื่องนี้ ภาพสวย แสงสวย ฉากอลังการ คุณภาพมาก รวมไปถึงเรื่องดนตรีทำนองบางฉาก ดนตรีดึงอารมณ์ของเราได้มากเลยทีเดียวโดยเฉพาะทำนองเพลง Reflection ดังขึ้นในช่วงสำคัญๆของเรื่องมันทำให้เราอินได้มากเลยทีเดียว
ในด้านงานภาคเสียงของบ้านเราในเวอร์ชันภาษาไทยนั้นผมมองว่าทำได้ดี ไม่ได้ทำให้หนังมีความเสียอรรถรส และน้องใบเฟิร์นมีความตั้งใจ อาจจะยังดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักแต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเรื่องราวในหนังเสียไป ถือว่าใครที่อยู่ตามต่างจังหวัดก็สามารถดูภาคไทยได้อย่างไม่เสียอารมณ์แน่นอน
สรุปทั้งหมด เต็ม 10 ผมให้ 7.9 สำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าเพิ่มเรื่องการร้องเพลงประกอบเรื่องราวอาจทำให้หนังดูมีเสน่ห์มากขึ้น ก็อยากจะเชิญชวนทุกคนที่เป็นแฟนดิสนีย์ แฟนมู่หลาน ไปดูหนังเรื่องนี้กันที่โรงภาพยนตร์ นะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการดูหนัง และพักผ่อนไปกันยาวๆในช่วงหยุดยาวนี้นะครับ… สวัสดีครับ