MCU เล่าเรื่องราวของ Timeline ทางเลือกใหม่อีกครั้งใน What If…? EP.4

การทำงานของ Timeline ใน MCU

ใน Loki มีการเปิดเผยว่าเวลาใน MCU นั้นไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรง โดย Miss Minutes ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่าช่วงเวลาใดก็ได้สามารถนำไปสู่การสร้างไทม์ไล์น์ที่แตกแขนงออกไป โดยมีจุดเชื่อมของไทม์ไลน์ที่แตกออกว่า Nexus Point ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ในมุมมองของ TVA มักจะต้องออกมาขัดการเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงกันนี้อาจเกิดจากการที่นักเดินทางข้ามเวลาย้อนเวลากลับไปในตำแหน่งเวลาต่างๆ และมีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ ทำให้คนที่รู้จักหลบการตรวจพบของ TVA ต้องแฝงตัวอยู่ในเหตุการณ์หายนะต่างๆที่เกิดขึ้น อย่างเช่นตัว Sylvie เอง นอกจากนี้ในตอนท้ายของ Loki จบลงด้วยการที่ TVA ปล่อยให้ Multiverse เกิดขึ้นมากมาย จนทำให้เกิดเป็นสงคราม Multiversal war หรือสงครามพหุภาคี จนมีตัวแปรต่างๆของ Kang the Conqueror เกิดขึ้น

ใน Marvel What If…? มีการพูดถึงกฏของการเดินทางข้ามเวลาแบบอื่นๆ ซึ่งเอาแนวคิดมาจากหนังเรื่อง Doctor Strange ที่ Wong และ Mordo เตือนว่าการใช้ Time Stone แทรกแซงเวลา อาจทำให้มิติของเวลาแตกแขนง อาจเกิดประตูของกาลเวลาที่ไม่เสถียร เกิดพิภพที่แปลกประหลาดและเกิดวังวลเวลา Time loops และมันจะไปทำลายความต่อเนื่องของเวลา ใน What If…? EP.4 Doctor Strange พยายามใช้ Time Stone ชุดชีวิต Christine Palmer คนรักของเขา แต่การตายของเธอส่งผลให้หมอแปลกเป็นจอมเวทย์สูงสุดในจักรวาลนี้ ซึ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความขัดแย้งที่ทำลายจักรวาลทั้งหมด ซึ่งหมอแปลกพยายามเปลี่ยนแปลงเวลาจากการดูดซับพลังของสิ่งมีชีวิตที่มีพลังต่างๆมากมาย ซึ่งผลที่ได้ก็คือความหายนะตามที่เราเห็นในซีรีส์นั่นเอง และเวทย์มนตร์ของการเดินทางข้ามเวลาในซีรีส์นี้มาจาก Cagliostro (คากลิโอสโตร) ซึ่งในคอมมิก Cagliostro ก็คือ O-Bengh (นั่นเอง) ซึ่งใน Darkhold ก็มีการพูดถึงเขาด้วยจุกนี้เราอาจจะได้เห็นเรื่องราวของ Cagliostro ใน MCU หลักก็เป็นได้

ดูเหมือนว่า Marvel What If…? ได้มีการเปลี่ยนกฏของการเดินทางข้ามเวลาอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่ามีหลายคนสงสัย แต่เรื่องราวของการเดินทางข้ามเวลาของ MCU ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันและแตกประเด็นไปมากมาย เรื่องราวของการเดินทางข้ามเวลาเริ่มต้นใน Avengers: Endgame ซึ่ง ทำให้ประเด็นของ Steve Rogers ได้สร้างไทม์ไลน์ที่แตกแขนงออกมาเพื่อไปอยู่ดับ Peggy หรือไม่ หรือจะเป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ใน What If…? ที่มีการแตกไทม์ไลน์เพิ่มขึ้นแต่อยู่ภายใต้จักรวาล 1 จักรวาล จากคำพูดของ Ancient One ใน EP. นี้ ซึ่งดูเหมือนว่า Ancient One มีเวทย์มนตร์ในการที่จะจัดการ Multiverse ได้เอง เธอสามารถร่ายมนตร์ เพื่อให้ Doctor Strange มี 2 คนในจักรวาลเดียวกัน ซึ่งเราก็น่าจะทราบดีว่าสายเวทย์เกือบทุกคน มักมีพลังในการเปลี่ยนความจริงเป็นพื้นฐานของพลังที่มีอยู่ในตัว โดยเธอใช้ Dark Dimension หรือมิติของความมืดเป็นตัวสร้างเส้นเวลาคู่ขนานให้เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ ซึ่งดูเหมือนสิ่งที่ Anciant One ทำนั้นก็ไม่ขัดแย้ง กับกฏของ Multiverse ที่ซีรีส์ Loki ได้พูดไว้แต่เป็นการขยายความเข้าใจและความลึกซึ่งของเรื่องราว Multiverse ให้เราได้เข้าใจมากขึ้นไปอีก และเพิ่มความเป็นไปได้มากขึ้นตามที่เราเคยพูดกันเกี่ยวกับตัวอย่างแรกของ Spider-Man: No Way Home ที่เราคาดเดาว่า Doctor Strange สามารถสร้าง Multiverse ได้เอง ใน MCU หลักดูเหมือนว่า Mordo กำลังกักตุนพลังโดยการดูดซับความสามารถจากพ่อมดคนอื่นๆ ซึ่งเขาอาจจะเป็นวายร้ายอีกคนใน Doctor Strange 2 และอาจจะเป็นคนรวม Timeline อันเป็นผลลัพธ์ของ ความบ้างคลั้งของ Multiverse หรือ “Multiverse of Madness” ก็เป็นได้ ซึ่งเชื่อว่าจุดลงเอยของเรื่องราว Multiverse ใน MCU จะต้องมีหนังสักเรื่องหนึงสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้เราเข้าใจได้อย่างแน่นอน