วันอาทิตย์, 8 ธันวาคม 2567

Doctor Strange 2 กับ 62 ประเด็นสำคัญ ความเชื่อมโยง และ Easter Eggs

16 พ.ค. 2022
3511

1. Logo เปิดตัว Marvel Studio

ก่อนเข้าสู่เรื่องราวเราจะเห็น Logo เปิดตัว Marvel Studio มีการเปลี่ยนภาพเคลื่อนไหวใน Logo ให้เกี่ยวข้องกับ Doctor Strange และ Wanda โดยการอ้างถึงเรื่องราวของ Doctor Strange ภาคแรก Avengers: Age of Ultrons และ Endgame รวมถึง ซีรีส์ WandaVision ที่ Wanda ได้กลายเป็น Sarlet Witch

2. Defender Strange

เปิดฉากของเรื่องราวเราจะพบกับ Defender Strange และ America Chavez กำลังวิ่งหนีสัตว์ประหลาดริบบิ้นที่มีอักษรรูนอยู่ที่มิติ Gap Junction ที่เป็นที่เก็บคำภีร์ Vishanti โดย Defender Strange ใส่ชุดที่มีความคล้ายกับตัวละครของเขาในคอมมิก ที่อยู่ในทีม The Defenders แต่ไม่ผ้าคลุมด้านหลัง โดยสมาชิกต้นกำเนิด Defender ในคอมมิกได้แก่ Hulk, Namor, Silver Surfer, และ Doctor Strange นั่นเอง ซึ่งใน MCU Defender Strange ปรากฏมาในลุคผมหางม้า เป็น Sorcerer Supreme และสามารถพูดภาษาสเปนได้

3. คำภีร์ Vishanti และ Gap Junction

คำภีร์ Vishanti ถูกสร้างมาเพื่อแก้ไขมนตร์ดำที่มาจากคำภีร์ Darkhold ในคอมมิกสร้างโดยมหาจอมเวทย์ Agamotto ซึ่งในหนังเรื่องนี้อยู่ที่มิติที่เรียกว่า Gap Junction เป็นช่องว่างของจักรวาล ซึ่งเป็นที่เชื่อมโยงของจักรวาลอื่นๆ ดังนั้นจึงทำให้ Christine จาก Earth-838 พา Doctor Strange จักรวาลหลัก มาที่ Gap Junction ผ่านทาง Way Point โดยต้องใช้นาฬิกาของ Christine เพื่อเปิดประตูจาก Way Point จึงสามารถเอาคำภีร์ Vishanti มาต่อต้าน Scarlet Witch ที่กำลังสิงห์ร่าง Wanda ใน Earth-838 ได้นั่นเอง โดย Wong ก็ได้บอกว่า คำภีร์ Vishanti เป็น “หนังสือเวทมนตร์แห่งความดีงาม” ที่จอมเวทย์หลายๆคนต้องการ ดูเหมือนว่า Gap Junction จะถูกทำลายอาจจะเป็นเพราะการเกิด Multiverse จาก ซีรีส์ Loki และ Spider-Man: No Way Home ทำให้เกิดความปั่นป่วนในช่องว่างของจักรวาลนี้ก็เป็นได้ สังเกตว่าที่ Gap Junction จะมีทางที่เข้าไปยังคำภีร์ถึง 16 ทางซึ่งอาจจะเป็นทางมาจากแต่ละ Multiverse ก็เป็นได้ ส่วนหน้านึงในคำภีร์ นี้เป็นรูปดาวนั้นหมายความว่า America Chavez คือคนที่สามารถต้านทาน Scarlet Witch ได้นั้นเอง

4. คำภีร์ Darkhold

เป็นคำภีร์มนตร์ดำที่ตรงกับข้ามกับ Vishanti โดย Agatha Harkness นำมาปรากฏครั้งแรกในซีรีส์ WandaVision ซึ่งมีหน้านึงของ Darkhold ที่มีการพูดถึง Scarlet Witch ซึ่งในคอมมิกเขียนโดน Chthon แต่ใน MCU Darkhold เป็นเพียงสำเนาที่คัดลอกมาจากคาถาในผนังของวิหาร Darkhold ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา Wundagore นั้นเอง

5. There Was No Other Way

ก่อนที่ Defender Strange จะปลดชีวิต America Chavez เขาพูดคำว่า This is the only way ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับคำพูด “There Was No Other Way” ใน Avengers: Infinity War ที่ไม่มีทางไหนแล้วที่จะเอาจะ Thanos ได้แล้วนั้นจึงทำให้เขามอบ Time Stone ให้กับ Thanos และให้ Thanos ดีดนิ้วลบคนไปครึ่งจักวาลก่อนก่อนที่ Avengers: Endgame จะเอาชนะ Mad Titan ได้ใน Endgame ซึ่งมีความคล้ายกับที่ Defender Strange เลือกที่จะทำเหมือนสังหาร America Chavez เพื่อให้เธอปลดปล่อยพลังออกมาและไปหา Strange ใน Earth-616 เพื่อให้แก้ไขเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้

6. คำพูดที่มาจาก Spider-Man: No Way Home

ก่อนที่ Defender Strange เสียชีวิตเขาก็ได้บอกว่ากับ America Chavez ว่า “Grand Calculus Of The Multiverse your sacrifice” ซึ่งเมื่อ Defender Strange ต้านทานสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ไหว เขาจำเป็นจะต้องฆ่า America Chavez เพื่อทำให้เธอปลุกพลังในตัวเธอออกมาโดยอ้างว่าสิ่งที่ทำนี้มันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต ซึ่งเป็นคำพูดเดียวกันจาก Spider-Man: No Way Home ซึ่งการเสียสละของพวกเขามีความหมายมากกว่าความตาย” ถ้าเปรียบเทียบคำพูดเดียวกันกับสองเหตุการณ์นี้ก็คือ Doctor Strange หมายถึงการปล่อยให้ศัตรูหลายหลากของ Spider-Man กลับไปตายในจักรวาลเดิมที่เขาจากมา แต่ Defender Strange หมายถึง ทางเลือกที่ต้องฆ่า America Chavez เพื่อสิ่งที่สำคัญกว่านั่นเอง

7. นาฬิกาของ Doctor Strange จาก Christine

เมื่อ Doctor Strange ตื่นมาจากฝันร้ายกล้องก็จ่อไปที่ นาฬิกาที่หน้าปิดแตกร้าว นั้นเป็นนาฬิกาเรือนเดียวกับที่ Christine Palmer ได้มอบให้ Doctor Strange จากภาคแรกโดยด้านหนังของนาฬิกาสลักคำว่า “Time will tell how much I love you.” “เวลาจะบอกได้ว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน” โดยการที่มันแตกนั้นมาจากการถูกทำร้ายที่หน้า Kamar-Taj จากหนัง Doctor Strange ภาคแรก โดยในหนังเรื่องนี้ได้มีการขยายความเรื่องราวของนาฬิกาเรือนี้ว่า Christine Palmer มอบให้ Strange ในขณะที่ทั้งคู่กำลังดินเนอร์กัน จากธนาคารความทรงจำที่อยู่ใน Earth-838 นั้นเอง การที่หน้าปัดแตกอาจสื่อความหมายว่าเป็นการไปด้วยกันไม่ได้ของ Doctor Strange กับ Christine ซึ่งในตอนท้ายเรื่องเขาก็ซ่อมมันให้เหมือนเดิมบ่งบอกว่าพร้อมแล้วที่ละ Move on ต่อไป และการที่ Doctor Strange ใช้เวทย์มนตร์ในการผูกไทด์อาจบ่งบอกว่ามือของเขายังคงใช้งานได้ไม่เต็มที่ แต่เวทย์มนตร์สามารถช่วยเขาได้เสมอ

8. คุณหมอ Nic West

หนังเรื่องนี้เราได้เห็นการปรากฏตัวของคุณหมอ Nic West อีกครั้งจาก Doctor Strange ภาคแรก ที่แสดงโดย Michael Stuhlbarg ซึ่งเขาก็เป็นคนที่รักษา Doctor Strange หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุ โดยผ่าตัดเป็นเวลา 11 ชั่วโมงเพื่อที่จะรักษามือของเขาให้ดีที่สุดในหนัง “Doctor Strange” ปี 2016 ในหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า Dr. Nic West ถูก Thanos ดีดนิ้วหายไป 5 ปีเช่นเดียวกับ Doctor Strange และแน่นอนเขาสูญเสียแมวไปสองตัวด้วย

9. ทางเลือกหนึ่งเดียวจาก 14,000,605 แนวทาง

เมื่อ Dr. Nic West มีการพูดคุยกับ Dr.Strange และถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ Avengers: Infinity War ต่อความเป็นไปได้ 14,000,605 วิธีที่จะเอาชนะ Thanos ซึ่ง Strange ตอบว่าวิธีเดียวที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของ Thanos คือครึ่งหนึ่งของจักรวาลหายไปเป็นเวลาห้าปีและให้ Tony Stark ตาย ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความถูกต้องแล้วที่ Dr.Strange ทำและเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ใน Avengers: Infinity War ที่ส่งผลต่อเรื่องราวต่างๆต่อมาในจักรวาลของ MCU

10. เมื่อผ้าคลุมของหมอในกระเป๋าเสื้อ

สิ่งที่เป้นจุดเล็กๆน้อยๆในหนังเรื่องนี้ เราเห็น Dr.Strange นำเสื้อคลุมหยิบออกมากจากกระเป๋าเสื้อที่ย่อขนาดไว้ราวกับเป็นผ้าเช็ดหน้าสีแดงในกระเป๋าเสื้อนั่นเอง เมื่อ Dr.Strange ชักเสื้อคลุมออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา มันขยายเป็นเสื้อคลุมตัวเดิมที่พาเขาไปสู้กับสัตว์ประหลาดที่กำลังจะบุกโลกใกล้ๆกับงานแต่งงานของ Christine Palmer นั้นเอง

11. Gargantos/Shuma-Gorath

ฉากที่เราเห็น Gargantos สัตว์ตาเดียวที่มีความคล้ายกับปลาหมึกยักษ์ขนาดใหญ่ กำลังตามล่า America Chavez บนถนน ซึ่งมีลักษณะเหมือน Shuma-Gorath ในคอมมิก แต่ในหนังใช้ชิ่อ Gargantos แทนเนื่องจากเหตุผลทางด้านลิขสิทธิ์นั่นเอง ซึ่งตัว Gargantos ก็มีอักษรรูนปรากฏเหมือนกับสัตว์ประหลาดริบบ้านในตอนต้นเรื่อง น่าจะเป็นเวทย์มนตร์ของแม่มดหรือพ่อมดในจักรวาลของ Defender Strange นั้นเอง

12. เข็มกลัด LGBTQ+

เราทราบกันดีว่า Xochitl Gomez รับบทเป็น America Chavez ในหนังเรื่องนี้ และลักษณะตัวละครนี้เป็น LGBTQ+ ซึ่งที่กระเป๋าเสื้อของเธอเราเห็นเข็มกลัดที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของการเป็น LGBTQ+ ของเธอ และในคอมมิก America ได้เดทกับ Lisa Halloran หรือ Alloy ซึ่งต่อมาคือตัวละครฮีโร่ที่ชื่อ Ramone Watts นั้นเอง

13. คาถาที่ใช้กับ Gargantos

ในระหว่างที่ Dr.Strange ได้ต่อสู้กับ Gargantos เขาก็ใช้คาถาเรียกขวานต่อสู้เพื่อมาตัดหนวดของมัน ซึ่งอาจเป็นขวาน Angarruumus อาวุธที่ทรงพลังอีกชิ้นหนึ่งของ Dr.Strange นอกจากนี้มหาจอมเวทย์ Wong เหมือนว่าเขาจะใช้ Demons of Denak เหมือนเป็นเชือกเรืองแรงคอมมัดจับศัตรู นอกจากนี้ยังมี Chains of Krakkan หรือโซ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ ทั้ง Wong และ Dr.Strange ใช้ร่วมกันเพื่อต่อต้าน Gargantos นั่นเอง

14. คามิโอ Stan Lee

ฉากที่ Strange เดินออกมาอยูบนหลังรถ Taxi ที่ตึกด้านหลังมีป้ายเขียนว่า Stanley อาจเป็นการอ้างถึง Stan Lee คามิโอที่เรามักจะเห็นเขาในหนังทุกเรื่องของ Mavel นั้นเอง ซึ่งในหนัง The Incredible Hulk ก็เคยใช้คำว่า Stanley’s Pizza มาแล้ว

15. Michael Waldron ผู้เขียนบท

เป็นที่ทราบดีว่า Michael Waldron เป็นผู้เขียนบทให้กับหนังของทาง MCU มากมาย โดยเฉพาะซีรีส์ Loki และหนังเรื่องนี้ โดยเราจะเห็นปรากฏตัวอยู่ที่งานแต่งงานของ Christine ด้วย

16. Dr.Strange ยังคงรู้จัก Spider-Man

การสนทนากันระหว่าง Dr.Strange Wong และ America หลังจากพักจากการปราบ Gargantos ก็มีการพูดถึงเรื่องราวของ Multiverse โดย America ถามทั้งสองคนว่าพวกเขารู้เรื่อง Multiverse นี้มากแค่ไหน ซึ่ง Strange ก็ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Spider-Man แน่นอนหลายคนสงสัยว่าทำไม Strange ยังคงจำ Spider-Man ได้ ก็เพราะว่าคาถาที่ Strange ได้ใช้กับ Spider-Man คือคาถาที่ลบความทรงจำของทุกคนให้ลืมว่า Spider-Man คือ Peter Parker เท่านั้นเอง แต่ยังรู้ว่ามี Spider-Man อยู่ในโลกนี้ นั้นทำให้ทุกคนไม่รู้ว่า Peter Parker คือ Spider-Man นั่นเอง

17. เพลงประกอบจากซีรีส์ WandaVision

หลังจากที่ Strange ทำศพของ Defender Strange เก็บไว้ที่ดาดฟ้าของดึก Wong ก็ถามถึงคนที่จะสามารถช่วยเหลือ America ได้นั้นจึงทำให้ Dr.Strange นึกถึง Wanda และเพลงประกอบจากซีรีส์ WandaVision ก็ดังขึ้น ซึ่งฉากก็ตัดไปที่ความฝันของ Wanda ที่กำลังมีความสุชกับ Billy และ Tommy ลูกๆของเธอ

18. ตอบจบของ WandaVision

ฉากนึงในความฝันของ Wanda ที่เธอกำลังส่งลูกเข้านอน ทำให้นึกถึงตอนจบของซีรีส์ WandaVision ทำในตอนที่เธอกำลังจะอำลาลูกๆทั้งสองโดยการทำลาย HEX ของเธอและกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง ซึ่งฉากนี้ก็เป็นฉากที่มีความคล้ายกันมากกับตอนที่ Wanda ส่งลูกเข้านอนพร้อมทั้งทำลาย HEX เวลาต่อมา

19. สวน Apple

ฉากที่ Dr.Strange มาหา Wanda ที่สวน Apple โดย Wanda คิดว่า Strange มาเยี่ยมเธอเพื่อมาคุยในเรื่อง Westview ที่รัฐ New Jersey ซึ่งเป็นสถานที่ที่ Wanda สร้าง Hex เพื่อสร้างความเป็นจริงที่สมบูรณ์แบบของเธอเอง โดยเธอสร้าง Vision และลูกทั้งสองให้อยู่ในมิตินี้ รวมทั้งคนในเมืองที่อยู่ใน Westview มาก่อน ก็โดนเธอครอบงำโดยต้องมาแบกรับความเจ็บปวดของเธอไปด้วย และทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์ WandaVision นั่นเอง นอกจากนี้ในการสนทนากันก็ยังมีการพูดถึง Hawkeye และกลุ่มนักสู้ทีมแมลง ที่บ่งบอกว่าเป็น Ant-Man, The Wasp, และ Spider-Man รวมถึง Wanda มีการพูดถึงเรื่องราวของเหตุการณ์ที่ Strange ได้มอบ Time Stone ให้กับ Thanos ที่เขาทำแล้วกลายเป็น Hero ซึ่งนั้นคือหนทางเดียวที่ Strange ได้มองแล้วกว่า 14,000,605 วิถีทางนั้นเอง

20. กระบะใส่ดอก Apple

ฉากนึงที่ Wanda เอาดอก Apple ใส่ลงไปในกระบะ ที่กระบะทีคำที่เขียนว่า Volker ซึ่งเป็นชื่อของตัวละครในคอมมิกที่ชื่อว่า Wendell Volker ซึ่งเขาเป็นนักศึกษาชาวเบลเยี่ยมที่กำลังเขียนบทความเกี่ยวกับ Baron Zemo ซึ่งเขาเป็นคนโซโคเวีย ต่อมาเขาก็เป็นนักวิชาการแล้วได้ทำงานร่วมกันกับ Mr. Fantastic และค้นพบว่า Zemo มีการเดินทางข้ามเวลา ซึ่งเกี่ยวข้องกับคอมมิก Thunderbolts Presents Zemo ในปี 2007 ไม่แน่ที่ดินของ Wanda ในสวน Apple ประเทศโซโคเวียก็เป็นได้

21. Wanda เรียกตัวเองว่า Scarlet Witch

ในที่สุด Wanda ก็เอ่ยถึงตัวตนของตัวเองอีกบทบาทนึงว่า Scarlet Witch เพราะในตอนท้ายในซีรีส์ WandaVision เธอได้กลายเป็น Scarlet Witch อย่างสมบูรณ์จากการระเบิด Chaos Magic ระหว่างการต่อสู้กับ Agatha Harkness นั่นเอง โดย Wong ก็ได้บอกถึงการเป็น Scarlet Witch ของ Wanda ว่าเธอมีอำนาจในการทำลายล้างโลกหรือจักรวาลได้ นั้นเคยถูกพูดถึงมาแล้วจาก Agatha Harkness ในซีรีส์ WandaVision ที่นางบอกว่าพลังของ Scarlet Witch จะมีอำนาจเหนือพลังของ Sorcerer Supreme หรือมหาจอมเวทย์และเธอถูกกำหนดให้เป็นผู้ทำลายล้างโลก

22. ชุดของ Scarlet Witch

ประเด็นของชุด Scarlet Witch นั้นมีลวดลายที่มีความหมายซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงดีเทลต่างๆ ที่ดูแตกต่างจากชุด Scarlet Witch ในซีรีส์ WandaVision โดยในหนังเรื่องนี้ชุดมีลายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตรงบริเวณใกล้ๆหัวใจ บ่งบอกถึงใจที่แตกสลายจากเหตุการณ์ที่นางเจอแต่ความสูญเสีย ตรงคอของเธอชุดก็เป็นบล๊อดที่เหมือนเป็น Mind Stone ที่อยู่บนหน้าผากของ Vision เป็นการระลึกถึงการจากไปของ Vision ใน Infinity War

23. จอมเวทย์ร่วมรบกันอีกครั้ง

จากที่ Scarlet Witch มีความต้องการจะเอาตัว America มาเพื่อเอาพลังจากเธอ โดย America ก็อยู่ที่ Kamar-Taj ทำให้เธอต้องมาบุกโจมที Kamar-Taj ถึงที่ ในระหว่างนั้นทำให้เราได้พบกับจอมเวทย์คนอื่นๆมากมายขากทั้วโลก โดยเฉพาะจากลอนดอนและฮ่องกง ตามที่เราทราบว่า Sanctum Sanctorum ของจอมเวทย์ใน MCU มีปรากฏฏอยู่ 3 ที่บทโลกได้แก่ ที่ London ที่ New York และ ที่ Hong Kong ซึ่งพวกเขามาก็เพื่อมาช่วยกันต่อต้าน Scarlet Witch โดย Wong พูดว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต่อสู้เสี่ยงตายกันอีกครั้ง นั้นหมายความว่า การเสี่ยงตายร่วมกันครั้งแรกน่าจะเป็นเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame นั้นเอง

24. อาจารย์ Hamir และ SARA

ฉากนึงใน Kamar-Taj ที่เราเห็น อาจารย์ Hamir กำลังคอยปกป้อง America Chavez จาก Scarlet Witch อยู่ด้านใน ซึ่งเขาก็เคยปรากฏตัวมาแล้วในหนัง Doctor Strange ภาคแรกในปี 2016 ส่วน Sara เป็นคู่รักของ Wong ในคอมมิกซึ่งเธอชื่อว่า Sara Wolfe

25. Rintrah

จากจอมเวทย์คนอื่นๆใน Kamar-Taj เราก็เห็นตัวละคร Rintrah ที่กำลังเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดของ Kamar-Taj โดยในคอมมิก Rintrah เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ชอบเวทย์มนตร์มาก ซึ่งเขาก็เป็นเด็กฝึกหัดอีกคนของ Doctor Strange อยู่ระยะนึงอีกด้วย ซึ่งอัครก็ได้ทำเรื่องราวเกี่ยวกับ Rintrah ไว้ในเว็บไซต์นี้ด้วยไปค้นหาดูกันได้ครับ

26. Wanda พูดถึง Vision

แม้ว่าเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ทำให้เราไม่ได้เห็นการปรากฏตัวของ Vision หรือตอนนี้ก็คงจะเป็น White Vision แล้ว แต่ Wanda หรือ Scarlet Witch ก็ได้มีการพูดถึงเขาสองครั้ง โดยครั้งแรกที่สวน Apple จากการถามเรื่องของ Multiverse จาก Strange โดย Wanda บอกว่า Vision มีความรู้เรื่องนี้และ Multiverse เป็นอะไรที่อันตราย ส่วนครั้งที่ 2 Wanda พูดถึงตอนที่เธอกำลังจะโจมตี Kamar-Taj โดยเธออ้างถึงเหตุการร์ที่เธอกำลังทำลายมณีจิตใจ หรือ Mind Stone ที่กลางหน้าผากของเขา นั้นคือสิ่งที่ทำให้เธอปวดร้าวรวมถึงการที่เธอต้องการจะได้ลูกๆ มาอยู่กับเธอซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเรื่องนั่นเอง

27. พลังการควบคุมจิตใจ

จากเหตุการณืในเรื่อง Wanda ใช้พลังบงการจิตใจเพื่อโจมตี Kamar-Taj โดยเธอใช้พลังนี้ตั้งแต่ใน Avengers: Age of Ultron ในการควบคุมจิตใจของเหล่า Avengers รวมถึงในซีรีส์ WandaVision ที่เธอใช้พลังนี้กับ Agatha โดยเธอใช้พลังในการควบคุมจิตใจพ่อมดที่อายุน้อยเพื่อเปิดช่องให้สามารถโจมตี Kamar-Taj ได้

28. เงาสะท้อนจากมิติกระจก

หลังจากที่ Strange ใช้มิติกระจกกักขังเธอ แต่เธอก็ใช้เงาสะท้อนออกมาจากมิตินี้ได้ โดยตอนที่เธอกำลังออกมาจากฆ้องขนาดใหญ่ ท่าทางการออกมาทำให้ผมนึกถึงตัวละคร Samara ในหนังเรื่อง The Ring มากดูมีความหลอนนิด ๆ

29. เธอไม่เคยมีลูก

ฉากนึงที่ Wanda พร่ำเพ้อถึงลูกๆของเธอต่อหน้า Strange และคนอื่นๆ Strange ก็ได้พูดว่าเธอไม่มีลูกนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เธอจิตนาการขึ้น ซึ่งคำพูดนี้ในคอมมิก Professor X เป็นคนพูดกับเธอวว่า เธอไม่มีลูก จากคอมมิก “House of M” ในปี 2005 นั่นเอง

30. คาถา Vipers Of Valtorr

ฉากนึงที่ Doctor Strange ต่อต้าน Scarlet Witch โดยใช้คาถา Vipers Of Valtorr ที่ดูเหมือนเป็นมังกร หรืองูยักษ์ออกมาหลายหัวด้วยกัน ซึ่งในคอมมิกก็มีการใช้คาถานี้ในการโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยนั่นเอง

31. ฉากทะลุ Multiverse

การที่ America กับ Doctor Strange ทะลุ Multiverse ทำให้ผมนึกถึงฉากนึงใน Marvel What If…? ใน EP.8 ที่ The Watcher ได้ต่อสู้กับ Ultron นั้นเอง ซึ่งทั้งคู่ก็ตกไปอยู่ที่หลังของ Sanctum Sanctorum ใน Earth-838 ถ้าเปรียบเทียบดูแล้วโครงสร้างมีความเหมือนกับของ Earth-616 แต่ของ Earth-838 เต็มไปด้วยรายละเอียดของต้นไม้และดอกไม้ดูสวยงามมาก

32. Savage Land

เมื่อ America กับ Doctor Strange ได้เข้าไปยังมิติต่างๆ ก็มีการปรากฏมิตินึงที่มีแต่ไดโนเสาร์ ซึ่งมีความคล้ายกับ Savage Land ในคอมมิก โดยเป็นดินแดนลึกลับที่อยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา และมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของตัวละคร Spider-Man และ X-Men โดยดินแดนนี้จะเป็นที่รวบรวมไดโนเสาร์และสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์มากมาย นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่เด่นอาศัยอยู่ที่นี่นั้นก็คือ Ka-Zar และ Shanna และวายร้ายอย่าง Sauron ในอนาคตเราอาจจะได้เห็น MCU พูดถึงดินแดน Savage Land นี้ก็เป็นได้

33. The Living Tribunal

นอกจากนี้ในระหว่างการที่ America กับ Doctor Strange ลอยอยู่ในจักรวาลต่างๆ ก็แอบไปเห็น โฉมหน้ายักษ์ของ Living Tribunal ผ่านตา ซึ่งตัวละครตัวนี้ในคอมมิกมีหน้าที่ปกป้อง Mutiverse รักษาสมดุลของจักรวาล ซึ่ง Living Tribunal ปรากฏครั้งแรกคอมมิก Doctor Strang: Strange Tales #157 ในปี 1967 ซึ่งพวกมันก็โดย Beyonders สังหารในเวลาต่อมา ซึ่งเบาะแสของ Living Tribunal เคยปรากฏมาแล้วในหนัง Doctor Strange ในปี 2016 ที่เป็นอาวุธของ Mordo ที่ชื่อว่า Staff of the Living Tribunal และในซีรีส์ Loki ที่ The Void เราก็เห็นหัวของพวกมันปรากฏอยู่ที่นั้น หวังว่าเราจะได้เห็นบทบาทของ The Living Tribunal ปรากฏให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนในอนาคต

34. Bruce Campbell

นักแสดง Bruce Campbell ถือเป็นนักแสดงคู่บุญของ Sam Raimi ซึ่งผลงานของเค้าที่ Sam Raimi กำกับก็คือ Evil Dead ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราได้เห็นคามิโอของ Bruce Campbell ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเขาก็เล่นเป็นคนขายพิซซ่าบอลริมทางของ Earth-838 และถูกหมอแปลกใช้เวทย์มนตร์สาปให้เค้าทำร้ายตัวเองประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่ง Bruce Campbell ก็ปรากฏใน End Credit ที่ 2 ของหนังเรื่องนี้ นอกจากนี้ในหนัง Spider-Man ที่ Sam Raimi กำกับ Bruce Campbell ก็มาปรากฏเป็นคามิโออยู่บ่อยครั้ง และเกือบจะมีบทเป็น Myterio อีกด้วย นั้นถือว่าเค้าป็นนักแสดงคู่บุญของ Sam Raimi จริงๆ

35. Earth-616

เมื่อเรื่องราวได้มีการพูดถึง Multiverse หรือจักรวาลคู่ขนาน ทำให้ต้องมีการระบุชื่อของโลกคู่ขนานในจักรวาลต่างๆ การท่องโลกต่างๆใน Multiverse นั้นย่อมมีกฏที่แตกต่างกันในแต่ละโลก ตัวอย่างเช่น ไฟแดงเป็นไฟเขียว ไฟเขียวเป็นไฟแดง ที่ปรากฏในโลกอื่นๆ ที่ต่างจากโลกของเรา โดยเมื่อ Doctor Strange โดยจับโดย Illuminati เขาก็ได้ไปพบกับ Christine ในโลกอื่นที่เธอเป็นนักวัจัยที่เกี่ยวข้องกับ Multiverse โดยตรง โดยเธอบอกว่าโลกที่เธออยู่นั้นคือ Earth-838 และโลกที่ Doctor Strange อยู่คือ Earth-616 แน่นอนมันตรงกับชื่อจักรวาลหลักในคอมมิก ซึ่งถ้าให้วิเคราะห์กันดีๆ การสื่อความหมายตรงนี้เป็นการบอกว่า ในโลกภาพยนตร์จักรวาลหลักของเรามีชื่อเหมือนกับจักรวาลในคอมมิก แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน ซึ่งคำว่า Earth-616 Myterio เคยพูดมาแล้วใน Spider-Man: Far From Home เป็นการจงจัยของ MCU ที่อยากจะกำหนดให้ในหนังจักรวาลหลักของเราคือ Earth-616 รวมถึงฉากนึงใน Endgame ที่โกดังรถเก่า เขียนว่า Lang 616 ซึ่งในซีรีส์ Loki ที่ฟิล์มฉากภาพชีวิตของ Loki ใน EP.1 ก็ระบุว่าเป็น Earth-616 ถือว่าเป็นมีความชัดเจนมากที่ MCU เปลี่ยนจักรวาลหนังจากแต่เดิมว่า Earth-199999 เป็น Earth-616 นั่นเอง

36. มือของ Doctor Strange

เมื่อ Christine ทำภาพ x-rays มือของ Doctor Strange ของทั้งสองจักรวาล จากอาการบาดเจ็บที่เขาเจอมาทั้งคู่ซึ่งมีความคล้ายกันมาก แต่ฉากภาพ x-rays ของ Doctor Strange ใน Earth-616 เขียนว่า Sample: 616 STEPHEN STRANGE D23 ซึ่งเป็นการอ้างถึงปีที่ก่อตั้ง Disney คือปี 1923

37. วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลกที่ปราบ Thanos

เรื่องราวนี้ใน Earth-838 ได้มีการยกย่อง Doctor Strange หนึ่งในสมาชิกของ Illuminati ที่ได้ใช้ Darkhold และสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกนั้น สังเกตจากที่นิ้วของเขาปลายนิ้วเป็นสีดำ เหมือนของ Scarlet Witch และ Agatha ที่เข้าสู่ด้านมืด โดยเหล่าทีม Illuminati ได้ลงโทษเขาและกำจัดเขาโดย Black Blot ซึ่งเขาเองก็น้อมรับในผลของการกระทำ ด้วยมิตรภาพที่เคยมีต่อกัน พวกเขาเลยให้เกรียติ Strange และสมมติว่าเขาเป็น วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลก Earth-838 ถือว่า Stephen Strange เป็นตัวแทนกลุ่ม Illuminati ในการปราบ Thanos แต่แท้จริงแล้วพวกเขาช่วยทั้งหมดกำจัด Thanos ด้วยนั้นเอง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับ Earthข-616 เหล่า Avengers ได้ถูกยกย่องให้เป็น วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลกหลักนั่นเอง ซึ่งในฉากนี้เราก็เห็นศพของ Thanos นอนตายอย่างอนาถมากๆ

38. Thanos ใน Earth-838

ดูเหมือนว่าศพ Thanos ที่เสียชีวิตแล้วจะมีมณีไม่ครบทั้งหมดสังเกตจากถึงมือ Infinity gauntlet ยังขาด Mind Stone หรือว่า Mind Stone จะยังอยู่กับ Vision ในจักรวาลนี้ที่ไม่ได้เป็นคนรักของ Wanda ก็เป็นได้

39. Earth’s Mightiest Hero

โดยที่แท่นอนุสาวรีย์ Doctor Strange ของ Earth-838 มีคำว่า Earth’s Mightiest Hero ซึ่งคำนี้เป็นชื่อเล่นของ เหล่า Avengers ในคอมมิกนั้นเอง

40. ร้านหนังสือ McLeod Books

โดยตรงข้าม Sanctum Sanctorum ใน Earth-838 เป็นร้านหนังสือชื่อ McLeod Books นี่อาจจะเป็นการอ้างถึง Bob McLeod ศิลปินนักวาดการ์ตูน ผู้สร้างเหล่า Mutants หรือมนุษย์กลายพันธุ์ใน Marvel คอมมิกนั้นเอง

41. ทรายแห่ง Nisanti

หลังจากที่ Doctor Strange ได้พบกับ Mordo ใน Earth-838 ก็ได้มีการพูดคุยกันในประเด็นต่างๆ แต่ทันใดนั้น Doctor Strange และ America รู้สึกเวียนหัวเหมือนโดนของ ซึ่งนั้นเป็นเวทย์มนตร์ที่มาจากทรายแห่ง Nisanti ที่ Mordo ได้ใส่ลงไปในชา ซึ่งในคอมมิกทรายแห่ง Nisanti นี้ใช้เพื่อลบล้างความสามารถเวทย์มนตร์ชั่วคราวของจอมเวทย์ได้นั่นเอง โดยในฉากต่อมาฉากที่ America Chavez และ Doctor Strange อยู่ในตู้กระจก Christine ก็ได้บอกว่าเธอใช้ ทรายแห่ง Nisanti นี้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างตู้กังขังคนที่มาต่าง Multiverse นั่นเอง และมันก็ถูกเอามาใส่ไว้ที่กุญแจมือที่จับ Doctor Strange อีกด้วย

42. บ้านของ Wanda ใน Earth-838

เมื่อ Scarlet Witch ใช้มนตร์สิงห์ฝัน หรือที่เรียกว่า Dreamwalking เข้าครอบงำ Wanda ในจักรวาลของ Earth-838 ทำให้เราได้เห็นบ้านของ Wanda และบรรยากาศในบ้านของเธอใน Earth-838 ก็เหมือนกับบ้านใน Westview ของเธอในซีรีส์ WandaVision นั่นเอง

43. Billy และ Tommy ดูการ์ตูน Disney

จากฉากในบ้านของ Wanda ในจักรวาลของ Earth-838 เราจะเห็น Billy และ Tommy เปิดทีวีและมีการ์ตูนของดิสนีย์ 2 ฉากด้วยกัน โดยฉากแรก เป็นเรื่อง Oswald the Lucky Rabbit ซึ่งเป็นการ์ตูนชิ้นแรกของ Walt Disney ที่ร่วมสร้างกับ Universal Pictures ในปี 1927 ก่อนจะมีตัวละคร Mickey Mouse ซึ่งถือว่า Oswald เป็นงานต้นแบบของการกำเนิด Mickey Mouse ที่โด่งดังนั่นเอง โดยทาง Universal ถือลิขสิทธิ์ไว้จนถึงปี 2015 ต่อมา Walt Disney ก็ได้ครอบครองการ์ตูนคลาสสิคนี้ในภายหลัง ซึ่งในซีรีส์ Loki ก็เคยพูดถึง Easter Eggs ของ Oswald ใน Ep.5 ระหว่างที่ Mobius ขับรถพิซซาใน The Void เราจะเห็นป้ายโรงหนังที่ระบุเรื่องที่ฉายคือ “Oswald and the Martians” ซึ่งตอนที่ Billy และ Tommy กำลังดูการ์ตูน Oswald อยู่นั้นเป็นตอนที่ชื่อว่า “Sky Scrappers” ซึ่งเราจะเห็นแมว Ortensia ที่เป็นแฟนของ Oswald ด้วย ส่วนเรื่องต่อมานั้นก็คือเรื่อง “สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด” เป็นฉากที่ สโนวไวท์กำลังพยายามหนีจากแม่มดชั่วร้าย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีความคล้ายกับเหตุการณ์ที่ Wanda โดน America เปิดประตูมิติมายัง Earth-838 เพื่อให้ลูกๆของเธอเห็นความชั่วร้ายของ Scarlet Witch นั่นเอง

44. เทือกเขา Wundagore

หลังจากที่หนังสือ Darkhold ถูกทำลายโดน Sara ทำให้ Wong ได้เล่าถึงที่มาของ Darkhold ว่า หนังสือ Darkhold เป็นเพียงการคัดลอกมาจากคาถาบนผนังที่อยู่ในวิหาร Darkhold บนเทือกเขา Wundagore โดย Chthon เป็นคนจารึกมันไว้ ซึ่งที่มานี้มีความคล้ายคลึงกับเรื่องราวในคอมมิกบางส่วน หลังจากที่ Wong ได้พา Wanda มาที่วิหาร Darkhold ทำให้เธอได้เห็นบัลลังก์ของ Scarlet Witch ที่มีสัตว์ประหลาดสี่ตัวรอ Scarlet Witch มาที่วิหารแห่งนี้ ในคอมมิกเทือกเขา Wundagore เป็นที่เกิดของ Wanda และ Pietro นั่นเอง โดยที่แท่นบัลลังก์ของ Scarlet Witch ก็มีลายเขาแพะเหมือนกับคำภีร์ Darkhold ซึ่งเหมือนกับ Chthon อีกเวอร์ชั่มที่มีหัวเป็นเขาแพะอีกด้วย

45. มูลนิธิ Baxter

Christine Palmer ใน Earth-838 ทำงานอยู่ที่ มูลนิธิ Baxter ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องของ Multiverse โดยเฉพาะ โดยในคอมมิกมูลนิธิ Baxter ก่อตั้งโดย Franklin Storm พ่อของ Sue Storm หนึ่งในสมาชิกของ Fantastic Four นั่นเอง

46. สมาชิกของ Illuminati ใน MCU

ทีม Illuminati ปรากฏครั้งแรกในคอมมิก “Secret Wars” ปี 2015 ซึ่งเป็นทีมที่คอยปกป้อง Multiverse จากภัยคุกคามที่ร้ายแรง ซึ่งมีสมาชิกดั้งเดิมคือ 7 คนคือ Tony Stark, Black Panther, Namor, Doctor Strange, Captain America, Black Bolt แต่ใน MCU ทีม Illuminati ใน Earth-838 ประกอบไปด้วย Doctor Strange, Reed Richards (John Krasinski), Baron Karl Mordo (Chiwetel Ejiofor), Captain Marvel (Lashana Lynch), Captain Carter (Hayley Atwell), Black Bolt (Anson Mount) และ Professor X (Patrick Stewart) รวมสมาชิก 7 คนเช่นกัน หรืออีกกรณีถ้า Baron Karl Mordo มาแทน Doctor Strange เก้าอี้ก็จะว่าง 1 ที่นั้นทำให้เราคิกว่าอาจจะเป็นตำแหน่งของ Iron Man ของจักรวาลนี้ที่สร้าง Ultron มาเป็นทหารอารักขาคอยดูแลความปลอดภัยในฐานปฏิบัติการนี้ก็เป็นได้

47. Stephen Strange พูดชื่อองค์กรต่างๆของ Earth-616

ก่อนที่ Mordo จะมีการแนะนำทีมฮีโร่ Illuminati ใน Earth-838 Doctor Strange ก็ต่างสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครในจักรวาลนี้ ซึ่งเขาก็พูดถึง Avengers, S.H.I.E.L.D., และ Hydra ซึ่งถ้าใครลืมแล้ว HYDRA เป็นองค์กรก่อการร้ายที่ดำเนินการโดยนาซี Red Skull ส่วน S.H.I.E.L.D. ก่อตั้งโดย Howard Stark, Peggy Carter และ Chester Phillips ทำหน้าที่ป้องกันภัยพิบัติต่างๆในโลก และต่อต้าน HYDRA ส่วน Avengers ก่อตั้งโดย Nick Fury เพื่อปกป้องโลกจากภัยคุกคามทั้งในโลกและนอกโลก และนี่คือประวัติศาสตร์คร่าวๆขององค์กรต่างๆที่เคยปรากฏมาแล้วใน MCU

48. ครอบครัวของ Reed Richards

การปรากฏตัวของ Mister Fantastic ทำให้เกิดการสนทนาระหว่างเค้ากับ Scarlet Witch โดยเธอถาม Reed เกี่ยวกับครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นการพูดถึงภรรยานั้นก็คือ Sue Storm หรือที่เรารู้จักก็คือ Invisible Woman หนึ่งในสมาชิกของ Fantastic Four นั้นเอง นอกจากนี้ลูกของ Reed มี สองคนได้แก่ Valeria Richards เธอมีความเป็นอัจฉริยะ และ Franklin Richards ที่มีพลังมากมายและยังสามารถสร้องมิติ pocket dimensions ได้ ซึ่งเราต้องมาดูโปรเจคใหญ่ของ MCU ในอนาคตที่จะเป็นการเปิดตัว Fantastic Four ในอนาคต ถือเป็นการเรียกน้ำย่อยการเปิดตัวทีม Fantastic Four จาก Earth-838 นั่นเอง

49. การอ้างถึง X-Men: The Animated Series

จากการปรากฏตัวของ Patrick Stewart ผู้รับบทเป็น Charles Xavier หรือ Professor X ใน Earth-838 ชะตากรรมของเค้าในเรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าจบลงอย่างไร แต่การปรากฏตัวของเขานั้นทำให้เราเห็น Easter Eggs 2 จุดด้วยกัน จุดแรกคือรถวิลแชร์ที่เป็นสีเหลืองของเค้าและการแต่งกายในสูทเขียวไทด์น้ำเงินดำ อ้างมาจาก X-Men: The Animated Series รวมถึงจุดที่ 2 การปรากฏตัวของเค้ามาพร้อมกับเพลงประจำตัวที่ Danny Elfman แต่งขึ้นตาม X-Men: The Animated Series ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวมนุษย์กลายพันธุ์ครั้งแรกอย่างชัดเจนใน MCU โดย Earth-838 นั้นเอง ต้องมาดูในอนาคตของซีรีส์ X-Men ’97 ที่นาง MCU จะนำมาลงฉายที่ Disney+ ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้าง

50. คำพูดของ Xavier จาก Days Of Future Past

จากประโยคที่ Professor X พูดกับ Doctor Strange ต่อหน้า Mordo เพื่อไว้ใจให้เขาได้ไปพบคำภีร์ Vishanti ว่า “Just because someone stumbles and loses their way, doesn’t mean they are lost forever.” “เพียงเพราะใครบางคนสะดุดล้มและหลงทาง ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหลงทางตลอดไป” ประโยคนี้ Professor X เคยพูดมาแล้วใน X-Men: Days of Future Past เมื่อเขากำลังพยายามสร้างแรงบัลดาลใจให้ Charles Xavier ตัวเขาตอนเป็นหนุ่มนั้นเอง

51. “I Can Do This All Day”

จากบทพูดที่ Captain Carter พูดว่า “I Can Do This All Day” ในขณะที่เธอกำลังปะทะกับ Scarlet Witch ก่อนที่เธอจะจบชีวีตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการอ้างถึง Steve Rogers ในจักรวาลหลักพี่พูดประโยคนี้ใน Captain America: The First Avenger นั่นเอง โดย Captain Carter เป็นตัวละครอีกจักรวาลที่มีการพูดถึงมาแล้วในซีรีส์การ์ตูน Marvel What If…? ที่ Peggy Carter ได้รับเซรุ่ม Super Soldier แทน Steve Rogers ทำให้เธอกลายเป็น Captain Carter แทนที่ Steve จะเป็น Captain America เหมือนจักรวาลหลักนั้นเอง

52. การตายของ Black Bolt

เป็นที่ทราบดีพลังของ Black Bolt สามารถใช้คลื่นเสียงจากตัวเขาทำลายดวงดาวได้ แม้เพียงเสียงกระซิบก็สร้สงความหายนะได้ โดยตัวละคร Black Bolt เคยปรากฏมาแล้วในซีรีส์ Inhumans โดยระหว่างที่เขากำลังจะใช้พลังต่อการกับ Scarlet Witch เธอก็ได้ลบปากของเขาออกทันที นั้นทำให้พลังยังไม่ได้ทันปบ่อยออกมาจากตัว แต่ดันกลับทำลายตัวเขาเอง และตายอย่างอนาจเลยทีเดียว ซึ่งมีความคล้ายกับฉากในหนัง Matrix ภาคแรกที่ Agent Smith เอาปากของ Neo ออก นั่นเอง

53. ภายในจิตใจ Wanda Earth-838

เมื่อ Professor X สามารถเข้าควบคุมจิตใจ Scarlet Witch จากร่าง Wanda ใน Earth-838 เราจะเห็นซากปรักหักพังที่เป็นการอ้างถึงเหตุการณ์ที่เป็นสงครามหลางเมือในโซโคเวียที่อพาร์ตเมนต์ของเธอสมัยเป็นเด็กโดนระเบิดถล่ม ในระหว่างที่ Charles Xavier กำลังเดินทางไปหา Wanda ที่ซ่อนตัวอยู่ในซากบ้านถล่มนั้น เราก็จะเห็นทีวี กำลังเปิดเล่นฉากในซีรีส์ WandaVision ที่ Wanda กำลังสวมชุดแต่งงานอยู่กับ Vision รวมถึงการยื่นมือออกมาของเธอทำให้นึกถึง Wanda ตอนเป็นเด็กที่กำลังยื่นมือเพื่อใช้พลังหยุดการระเบิดของทุ่นระเบิดจาก Stark Industries นั่นเอง

54. Mordo พยายามทำร้าย Dr.Dtrange

การเผชิญหน้าของ Dr.Dtrange กับ Mordo ใน Earth-838 ทำให้ Dr.Dtrange เปิดเผยว่า Mordo ใน Earth-616 พยายามที่ทำฆ่าเขา นี่คือการอ้างถึง End Credit ในหนัง Doctor Strange ภาคแรก ในปี 2016 ที่เขาเหมือนมีความคิดที่จะเข้าสู้ด้านมืดนั้นเอง

55. ความฝัน ฝันร้าย และ ปีศาจ

ในหนังเรื่องนี้มีการพูดถึงความฝัน ที่คนที่ฝันจะเห็นตัวแปรของตัวเองที่อยู่ในอีก Multiverse ในฝันของทุกๆวัน ซึ่ง Wanda ก็ฝันเห็นลูกๆของเธอทุกคืนถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมที่สุดในแต่ละวัน แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นความฝันนั้นรวมกับสร้างความทุกข์และเหมือนเป็นฝันร้ายให้กับเธอ ในโลกของความเป็นจริง ถ้าเราพูดถึงความฝันทำให้เรานึกถึงตัวละคร Nightmare ที่ควบคุมมิติความฝันที่เรียกว่า Dream Dimension ซึ่งก่อนหน้านี้ใรซีรีส์ Loki ก็มีการพูดถึงแผนกที่ควบคุมความฝันนี้ ถึงแม้ว่าตัวละครที่เกี่ยวข้องกับความฝันในหนังเรื่องนี้ยังปรากฏไม่ชัดเจน เราต้องมาดูกันต่อไปว่าตัวละคร Nightmare และ Mephisto จะปรากฏมาให้เห็นตัวเป็นๆเมื่อไร

56. รถเก๋ง OLDSMOBILE DELTA 88 สีเบจ ปี 1973

ฉากที่ที่จักรวาลของ Sinister Strange เราเห็นบรรยากาศรอบๆนั้นกำลังเกิด Incursion ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ในซีรีส์ Marvel What If…? EP.4 โดยเราจะเห็นรถเก๋ง OLDSMOBILE DELTA 88 สีเบจ ปี 1973 ลอยอยู่เป็นเป็นรถคันเดียวกันที่ Sam Raimi ชอบใช้ในการประกอบฉากของหนังที่เขากำกับ เช่นใน Spider-Man ก็เป็นรถของลุงเบน ใน Evil Dead ก็เช่นกันเราเห็นรถรุ่นนี้ปรากฏอยู่

57. Secret Wars กำลังจะเกิดขึ้น

จากคอมมิก Event Secret Wars เกิดขึ้นจากผลพวงของเหตุการณ์ที่เรียกว่า incursion ทำให้เราได้เห็น Charlize Theron ปรากฏตัวเป็น Clea เพื่อตามหา Doctor Strange มาแก้ไขการ Incursion ในจักรวาลที่ได้รับความเสียหาย โดย Clea เป็นแม่มดมีเวทย์มนตร์และเป็นหลายสาวของ Dormammu และเป็นคนรักอีกคนของ Doctor Strange นั้นทำให้เราทราบว่า Doctor Strange เตรียมมูฟออนจากคริสทีนได้เลย เราต้องมาดูว่า MCU จะผูกโยงเรื่องราวของ Multiverse การเกิด incursion ไปสู่สงคราม Secret Wars อย่างไร โดยในซีรีส์ Loki Kavin Feige เผยว่าการที่ Sylvie สังหาร He WHo Remains ทำไปสู่การเกิด incursion อีกรูปแบบนึง และ Miss Minuite ก็ได้เล่าถึงผลกระทบต่อการเกิด Nexus ถ้ากำจัดไทม์ไลน์ที่แตกออกมาไม่ทันเส้นสีแดง จะทำให้ไทม์ไลน์นั้นกลายเป็นจักรวาลคู่ขนานใหม่ทันที และมันอาจจะมาชนกันเป็น incursion อีกรูปแบบนึงได้นั้นเอง

58. Donna Strange น้องสาวของ Dr.Strange

มีการพูดถึง Donna Strange ในฉากที่ Dr.Strange พบกับ Sinister Strange อีกจักรวาลนึง โดย Dr.Dtrange บอกว่าน้องสาวได้เสียชีวิตไป จากการจมน้ำตายในสะเลสาบน้ำแข็ง ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่อ้างถึงจากคอมมิกที่ Donna เป็นตะคริวขณะว่ายน้ำกับ Stephen Strange ซึ่งเขาก็ช่วยน้องสาวของเขาไม่ทัน เดิมที MCU วางตัวละคร Donna ให้ปรากฏอยู่ในหนัง Doctor Strange ปี 2016 แต่ถูกตัดออก ซึ่งเป็นฉากที่ผู้กำกับชอบมาแต่มันไม่เข้ากับโทนของหนังทางทีมงานจึงตัดสินใจตัดออกไป

59. ต่อสู้ด้วยดนตรี

ฉากนึงที่ Dr.Strange และ Sinister Strange ใช้โน๊ตดนตรีมาต่อสู้กันดูเป็นฉากที่แปลกใหม่และมีความน่าสนใจมาก นั้นทำให้เราย้อยระลึกถึงความสามารถของ Dr.Strange ในภาคแรกที่เขาสามารถเล่นเปียโนและรู้จักตัวโน๊ตเป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะเกิดอุบัติเหตุและหันเหตัวเองมาเป็นจอมเวทย์นั่งเอง และ Sinister Strange เป็นเวทย์มนตร์สีม่วงที่เหมือนกับ Agatha Harkness

60. ดวงตาที่สาม

อย่างที่เราทราบดี Eye of Agamotto ปรากฏใน MCU ตั้งแต่หนังเรื่อง Doctor Strange ในปี 2016 โดยเป็นเครืองรางค์ที่ Agamotto สร้างเอาไว้เพื่อเป็นที่เก็บ Time Stone แต่ตั้งแต่ Spider-Man: No Way Home และ หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า Eye of Agamotto มีหน้าที่อย่างอื่นที่มากกว่านั้นโดยที่มันไม่ต้องมี Time Stone การปรากฏดวงตาที่สามอาจเป็นผลพวงของการใช้ Darkhold กับการที่มี Eye of Agamotto ในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าเกี่ยวข้องกับ Darkhold อย่างเดียว Wanda ต้องมีดวงตาที่สามปรากฏมาด้วย ในคอมมิกดวงตามที่สามของ Doctor Strange เกิดมาจาก Eye of Agamotto โดยใช้เพื่อเปิดเผยความจริงที่อยู่ตรงหน้า รวมถึงการปลอมตัวของ Skrulls ก็สามารถใช้ดวงตาที่สามมองดูเพื่อเปิดเผยความจริงได้ สามารถดูเหตุการณ์ในอดีตได้ รวมถึงยังย้อนเวลาได้เด้วย แต่ความจริงของการเกิดดวงตาที่สามนั้นอาจชัดเจนมากขึ้นในอนาคตก็เป็นได้

61. โล่แห่ง Bom’Galiath (บอมกาลิอัท)

Christine ใช้ โล่แห่ง Bom’Galiath เพื่อหยุดยั้งวิญญานต่างๆที่มาก่อกวนร่างของ Doctor Strange ซึ่ง Strange เคยใช้มันแล้วในการต่อสู้กับ Kaecilius Doctor Strange ในภาคแรก ซึ่งในคอมมิกโล่นี้ปรากฏครั้งแรกใน Mighty Thor #443 โดยตั้งโล่นี้เอาไว้เพื่อรักษาเวทย์มนตร์ เพื่อแอบเข้าไปยังอาณาจักรของ Mephisto โดยไม่มีใครจับได้

62. Clea กับ Dark Dimension

ฉากเครดิตแรกเราเห็น Clea ปรากฏตัว ซึ่งแสดงโดย Charlize Theron ในคอมมิกเป็นคนรักอีกคนของ Doctor Strange หลานสาว Dormammu ฉากเครดิตนี้ Clea และ Strange กำลังเดินทางไปยัง Dark Dimension เพื่อแก้ไข Incursion นี่คือการเดินทางต่อไปใน Doctor Strange 3 หรืออาจจะไปเชื่อมโยงกับหนังเรื่องอื่นๆ หรือไม่ และเรื่องราวของ Multiverse ก็ยังคงต้องขยายความต่อไปในอนาคตของ MCU ในเฟสนี้นั่นเอง