อย่างที่เรารู้กันดีว่าหนังแต่ละเรื่องจะซ่อน Easter Eggs หรือมีการอ้างถึงเรื่องราวต่างๆของจักรวาลหนังของเค้าเอาไว้ ซึ่ง Thor: Love and Thunder ก็ไม่ต่างกัน ก็แฝงไปด้วย Easter Eggs ที่อ้างถึงเรื่องราวต่างๆ ในจักรวาลของ Marvel ทั้งในหนังคอมมิก ซึ่งมี Easter Eggs อะไรบ้างติดตามครับ
1. เรื่องราวต้นกำเนิดของ Gorr The God Butcher
Gorr The God Butcher หรือ Gorr ผู้สังหารเทพเจ้า แสดงโดย Christian Bale โดยจุดกำเนิดของความชั่วร้ายมาจากการที่เหล่าเทพไม่แยแสที่จะช่วยครอบครัวและคนที่เขารักจากความยากลำบากที่ Gorr ได้รับไม่ว่าเขาจะขอพรอ้อนวรไปเท่าไรก็ตาม วันนึงเมื่อภรรยาและลูกของกอร์เสียชีวิต ทำให้ Gorr หมดศรัทธาต่อเหล่าทวยเทพ และมองว่าเทพเจ้านั้นแสนไร้ค่า เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเฝ้าบูชามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใด ๆ วันหนึ่ง มีเทพเจ้าที่กำลังต่อสู้กันตกลงมาบนดาวของเขา ในตอนนั้นเทพเจ้าทั้งคู่กำลังต่อสู้กันถึงตาย เทพเจ้าจึงได้อ้อนวอนให้ Gorr ช่วยเหลือ แต่กอร์ที่ไร้ศรัทธาในเหล่าเทพเจ้านั้น ไม่เพียงแค่ไม่ช่วยเหลือเท่านั้น แต่ยังใช้ดาบ All-Black the Necrosword ที่เทพอีกฝ่ายถืออยู่นั้นเสียบสังหารเทพเจ้าที่ขอความช่วยเหลือ ใน MCU มีการตีความเรื่องราวของ Gorr ให้แคบลงเหลือเพียงการอ้างถึง Gorr กับลูกสาวของเขาที่ตายลง รวมกับการไม่แยแสถึงคำอ้อนวอนจากเทพ Rapu
2. เทพ Rapu (The Bringer of Light)
เทพ Rapu (The Bringer of Light) เทพที่ Gorr นับถือ ตามที่ Zeus บอกเทพ Rapu เป็นเทพเจ้าระดับล่างที่มีความสำคัญไม่มากดังนั้นความเห็นแก่ตัวและความเย่อหยิ่งของเขาจึงสมเหตุสมผลแล้วที่เขาไม่ค่อยดูแลผู้คนที่อ้อนวอนเขา โดยหลังจากที่ Gorr ได้ฝังศพลูกของเขาทำให้เขาได้ไปพบกับเทพ Rapu ที่กำลังฉลองการตายของผู้ที่ถือดาบ Necrosword เมื่อ ดาบเลือก Gorr ทำให้ Gorr ฆ่าเทพ Rapu เทพองค์แรกที่เขาฆ่าอยากเลือดเย็น และตั่งมั่นที่สังหารล้างบางเหล่าเทพคนอื่นๆทั่วจักรวาล โดยเทพ Rapu แสดงโดย Jonathan Brugh นักแสดงชาวนิวซีแลนด์ ที่เคยร่วมงานกับ Taika Waititi มาก่อน ในหนังเรื่อง What We Do In The Shadows ซึ่งเทพองค์นี้ไม่เคยมีปรากฏในคอมมิกมาก่อนนั่นเอง
3. เหตุที่ Gorr มีจมูก ไม่เหมือนกับในคอมมิก
เพราะผู้กำกับไม่อยากให้ Gorr มีรูปลักษณ์เหมือนโวลเดอมอร์ใน Harry Potter มากเกินไปนั่นเอง
4. Logo Marvel Studios
มีการ Update ที่เราเห็นการปรากฏตัวของ Moon Knight และ Kamala Khan หรือ Ms. Marvel นั่นเอง
5. เรื่องราวของดาบ All-Black the Necrosword
คุณสมบัติของดาบนี้เป็น Necrosword ที่ทรงพลังมากซึ่งสามารถฆ่าเทพเจ้าได้เมื่อดาบเลือกเข้าของแล้วทำให้คนคนนั้นมีพลังเหนือมนุษย์และอนุญาตให้เจ้าของเทเลพอร์ตไปยังสถานที่และมิติอื่นโดยใช้เงา อย่างไรก็ตามดาบนี้ยังพยายามกัดกินจิตใจของผู้ครอบครองให้ขาดการยับยั้ง และอยากทำทุกอย่างเพื่อให้ตามที่ต้องการ ในคอมมิกดาบนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทพ Knull เทพเจ้าของพวก Symbiotes ผู้ที่ปกครองจักรวาลกำเนิดก่อนแสงและชีวิต ด้วยความโกรธแค้นของ Knull จากการบิกแบงที่เหล่า Celestials ใช้ในการสร้างกาแลคซี่และทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ ทำให้ Knull สร้างดาบ All-Black the Necrosword เป็นอาวุธที่ใช้สังหาร Celestials และตัดหัวกลายเป็นดาว Knowhere ซึ่งใน Thor: Love and Thunder ยังไม่ได้มีการพูดถึงเทพ Knull แต่อย่างใดเพราะปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ตัวละคร Symbiotes ที่อยู่กัยทาง Sony ดังนั้น จึงลดชื่อจาก All-Black the Necrosword เป็นดาบ Necrosword ธรรมดาตามเรื่องราวที่เราทราบ ซึ่งดาบบอกในจิต Gorr ว่า “Go to Eternity if it’s revenge you seek”
6. มิติเงา หรือ Shadow Realm
ใน MCU มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวของดาบ Necrosword ให้ดูแตกต่างจากคอมมิกด้วยการผูกพลังกับ Shadow Realm หรือมิติเงาซึ่งเป็นระนาบการดำรงอยู่หรืออีกมิติในจักรวาล มิตินี้มีแต่เงามืดจึงทำให้มิตินี้ไม่มีสีสันตามที่เราเห็นในเรื่องราวในหนัง Jane Foster พูดว่า “Let’s bring the rainbow” เหมือนเป็นการหยอกๆมิตินี้ให้ดูมีสีสันบ้าง ในคอมมิก Gorr ใช้ Necrosword เพื่อสร้างดาวเคราะห์ทั้งดวงที่ขอบอวกาศหรือที่เรียกว่า Black World of Gorr ขุมนรกที่มีชีวิต ซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็น Shadow Realm ใน “Love and Thunder” ตามที่เราเห็นในหนังนั่นเอง Shadow Realm ดูเหมือนจะเป็นดาวเคราะห์ที่แห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา ปราศจากโครงสร้างที่โดดเด่นใดๆ ยกเว้นเงาและสัตว์ประหลาดที่ Gorr สร้างพวกมันมาจากเงา เพื่อต่อต้านศัตรูนั่นเอง และในคอมมิกมีมิติเงามิตินึงที่อยู่ระนาบขนานไปกับมิติของโลกซึ่งมีสิ่งมีชีวิตที่ชื่อ Warlord Kaa ซึ่ง Kaa ก็เคยคิดอยากจะออกมาครอบครองโลก ยังเคยต่อสู้กับ Hulk อีกด้วย
7. นักแสดงที่กลับมาในหนังเรื่องนี้
คน Natalie Portman ที่กลับมารับบทเป็น Jane Foster ในฐานะ Mighty Thor นั่นเอง ที่เราเห็นเธอครั้งสุดท้ายใน Thor: The Dark World ต่อมา Darcy Lewis ตัวละครในหนัง Thor ตั้งแต่ภาคแรก ที่แสดงโดย Kat Dennings เราเห็นตัวละครนี้ปรากฏใน MCU ล่าสุดในซีรีส์ WandaVision รวมถึง Dr. Erik Selvig ที่แสดงโดย Stellan Skarsgård ปรากฏในจอคอมพิวเตอร์ที่กำลัง VDO Chat อยู่กับ Jane และ Darcy ที่เขาถูกพูดถึงล่าสุดในซีรีส์ Ms.Marvel โดย Bruno ที่อ้างถึงเค้าในทฤษฎีของการเดินทางข้ามมิติ ซึ่งแน่นอน Darcy Lewis และ Dr. Erik Selvig ก็กำลังหาทางออกในการช่วยเจนรักษาโรคมะเร็งที่เธอเผชิญอยู่นั่นเอง ต่อมาตัวละคร Lady Sif ที่แสดงโดย Jaimie Alexander กลับมาในหนังเรื่องนี้หลังจากที่เธอปรากฏตัวล่าสุดในซีรีส์ Loki ซีซันแรก รวมถึง Heimdall ที่แสดงโดย Idris Elba เขากลับมาอีกครั้งในฉากเครดิตที่ 2 ที่เจนได้ไปเจอ Heimdall ที่ Valhalla นั่นเอง
8. สะพาน Einstein-Rosen
ใน Thor: Love and Thunder มีการพูดถึงทฤษฎีของสะพาน Einstein-Rosen หนึ่งในหลักการทำงานของ Bifrost โดยเจนได้อธิบายเรื่องราวนี้ให้กับผู้ป่วยมะเร็งอีกคนอ่านหนังสือของเธอ แน่นอนเพราะ Jane เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังคนนึงใน MCU และ Jane ก็ศึกษาและวิจัยเรื่องนี้มาตั้งแต่ Thor ภาคแรกทำให้เธอเข้าใจดีเกี่ยวกับทฤษฎีรูหนอนนี้ ความเกี่ยวข้องของสะพาน Einstein-Rosen ผู้โยงเรื่องราวให้เกี่ยวข้องกับพลังของขวาน Stormbreaker ที่สามารถ Bifrost ได้ รวมถึงใช้เพื่อเปิดประตูมิติให้ Gorr สามารถเข้าไปพบ Eternity ได้นั่นเอง นี่คือจุดเชื่อมโยงของเรื่องราวนี้ที่ผู้เขียนบทได้กำหนดไว้อย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ Jane ก็ยังพับกระดาษแล้วใช้ปากกาเจาะรูที่อ้างมาจากหนัง Event Horizon ที่ Sam Neill แสดง ซึ่ง Sam Neill ก็มาแสดงเป็น Odin ในละครเวทีของ Asgard และกล่าวถึงหนังเรื่อง Interstellar ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อีกด้วย
9. ประวัติศาสตร์ของ New Asgard
ในเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้จักเมือง New Asgard มากขึ้นซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Tønsberg ประเทศ Norway ซึ่งประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ใน MCU ก็มีเรื่องเล่ามากมากตั้งแต่ช่วง 965 A.D. Odin นำทัพ Asgard มาต่อสู้กับ Frost Giants ที่เมืองนี้ ปี 1942 Red Skull ได้ค้นพบลัทธิบูชา Odin ที่เมืองนี้ซึ่งได้ซ่อน Tesseract ใน Captain America: The First Avenger และใน Thor: Ragnarok Hela ก็ได้ทำลายค้อน Mjölnir ที่เมือง New Asgard นี้รวมถึงเป็นสถานที่เสียชีวิตของ Odin อีกด้วย นอกจากนี้เราได้เห็นการจัดทัวร์มาเที่ยวเมืองนี้ที่งาน AvengerCon ในซีรีส์ Ms. Marvel EP.1 อีกด้วย นั้นทำให้เราเห็นเมืองนี้มีผู้คนจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวมากมายใน Thor: Love and Thunder นั่นเอง และนี่คือความเชื่อมโยงที่ MCU ผูกโยงเอาไว้จนถึงปัจจุบัน
10. หมวกของ Thor ใส่ตอนออกกำลัง
หมวดนี้มีคำว่า Thor แล้วคำว่า Strongest เขียนทับชื่อของ Ant-Man Hulk และ Iron Man คำว่า The Avengers ตัด The ออก และตัว S หลัง Avengers ทำให้อ่านใหม่ว่า Thor Strongest Avenger ซึ่งทำให้ นึกถึง Thor: Ragnarok ที่ Thor กำลังเข้ารหัสของยานที่ Thor พูดว่า Strongest Avenger แต่ก็ไม่สามารถเข้ารหัสได้ นอกจากนี้ลุคของ Thor ที่กำลังออกกำลังกายก็เหมือน Forrest Gump รวมถึง หนังเรื่อง Adventures in Babysitting ที่แสดงโดย Vincent D’Onofrio ผู้ที่รับบท Kingpin ใน MCU
11. King Yakan
กษัตริย์ตัวสีฟ้าที่ปกครองดาวที่ Thor ไปช่วยในช่วงแรก แสดงโดย Stephen Curry ซึ่งแน่นอนเทพเจ้าของเค้าถูก Gorr สังหารนั่นเอง
12. Habooska the Horrible
เครดิตได้บอกว่า Bobby Holland Hanton เป็น Stunt double ให้กับ Chris Hemsworth ในบทบาท Thor ซึ่งในหนังเรื่องนี้เขาก็ยังมารับหน้าที่แสดงเป็นตัวละคร cameo ที่ชื่อว่า Habooska the Horrible ซึ่งก็คือตัวที่มันเหมือนเหมือนนกฮูกขับยานมาโจมตี Thor นั่นเอง
13. ฉากแหกขา
ฉากนี้ที่ Thor เขาขายันยานของศัตรู 180 องศาก็อ้างมาจาก ฉากที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jean-Claude Van Damme จากหนังของเขา
14. The Infinity Conez
ฉากนึงในหนังเรื่องนี้มีการนำเสนอร้านไอศกรีมที่ชื่อ The Infinity Conez ใน New Asgard นั่นเป็นการแก้เผ็ดต่อเรื่องราวของ Infinity Stones ใน Saga ที่แล้วที่สร้างผลที่ตามมาตามที่เขาเข้าใจกัน ถือเป็นเรื่องขบขับที่เรามักจะจัดการกับเรื่องโศกนาฏกรรมด้วยอารมณ์ขันเสมอ ซึ่งอยู่ในฉากที่ King Valkyrie กำลังตัดริบบิ้นเพื่อเปิดตัวอย่างร้านนี้ยิ่งใหญ่
15. Volstagg
นอกจากนี้ที่เรือที่มาเทียบท่าที่เมือง New Asgard ปรากฏรูปของหนึ่งในสามของ Warriors Three นั่นก็คือ Volstagg ที่เสียชีวิตไปใน Thor: Ragnarok จากน้ำมือของ Hela
16. ชื่อถนน New Asgard
มีชื่อถนน Simon Son ซึ่งตั้งชื่อให้เกียรติแก่ Walt Simonson เป็นนักเขียนบทให้กับคอมมิกของ Marvel โดยเฉพาะเรื่อง Thor และเป็นผู้สร้างตัวละคร Beta Ray BIll ซึ่งเขาเองก็มาเล่นเป็นชาว Asgard ในหนัง Thor ภาคแรกด้วย นอกจากนี้ยังมีถนนชื่อ Aaron ซึ่งตั้งชื่อให้เกียรติแก่ Jason Aaron นักเขียนบทให้กับคอมมิกของ Marvel โดยเฉพาะ Thor: God of Thunder และ The Mighty Thor นั่นเอง
17. Daryl จาก Marvel One-Shot: Team Darryl
ในขณะการถ่ายทำ Thor: Ragnarok ผู้กำกับ Taika Waititi ได้ทำหนังสั้นชื่อว่า Marvel One-Shot: Team Darryl ที่ไม่ได้เชื่อมโยงอะไรกับจักรวาลหักของ MCU ซึ่ง Thor Odinson อาศัยอยู่รูทเมทชื่อ Daryl ที่แสดงโดย Daley Pearson ซึ่งใน Thor: Love and Thunder โดยPearson กับมารับบทเป็น Daryl ในฐานะไกด์นำเที่ยว ที่ New Asgard นั่นเอง
18. ทีมละครเวทีที่ New Asgard
ถือเป็นกิมมิกที่เราได้เห็นการแสดงละครเวทีสรุปเรื่องราวในเหตุการณ์ของ Thor ที่เคยทำมาแล้วใน Thor: Ragnaok ซึ่งในหนังเรื่องนี้ทีมนักแสดงละครเวทีของ Asgard ก็ทำเรื่องเล่าของเหตุการณ์ใน Thor: Ragnaok ในช่วงที่ Odin จะสลายตัวไปรวมถึงการปรากฏตัวของ Hela ผ่านเรื่องราวในละครเวทีนี้ ซึ่งก็ได้ Matt Damon แสดงเป็น Loki Luke Hemsworth แสดงเป็น Thor ส่วน Sam Neill ก็แสดงเป็น Odin เพิ่มเติมมาด้วย Melissa McCarthy แสดงเป็น Hela และที่น่าสนใจก็คือ เราได้ Ben Falcone สามีของ Melissa McCarthy ในชีวิตจริงมาเป็น stage manager หรือผู้จัดให้กับละครเวทีในเรื่องราวนี้นั่นเอง
19. แพะวิเศษของ Thor
ถือว่าแพะวิเศษของ Thor ในหนังเรื่องนี้ทำให้เป็นที่พูดถึงมากมายหลังจากที่ใครหลายๆคนออกจากโรงหนังมาเพราะเสียงร้องของพวกมันที่สามารถวนอยู่ในหัวเราได้ ซึ่งแพะทั้งสองก็ชื่อว่า Toothgnasher และ Toothgrinder ตามตำนานนอร์ส แพะทั้งสองชื่อ Tanngrisnir และ Tanngnjóstr เป็นแพะวิเศษของเทพ Thor โดย Marvel นำมาใส่ในคอมมิกครั้งแรกในปี 1976 นั่นเอง
20. การตายของ Falligar the Behemoth
ฉากนึงตั้งแต่ในตัวอย่างเราเห็นตัวละคร Falligar ที่นอนตายอยู่ซึ่งในฉากในหนังถอดแบบภาพมาจากคอมมิกที่ Jason Aaron ได้ออกแบบไว้เป๊ะๆเลย ซึ่ง Falligar เป็นเทพที่คอยดูแลบริเวณขอบกาแล็กซี่ โดยในหนังเราได้พบ Sif ในฉากนี้ด้วย ซึ่ง Sif ได้บอกว่าการตายของ Falligar เกี่ยวข้องกับ Gorr ซึ่ง Sif แขนขาดจากการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วยนั่นเอง ซึ่ง Thor ก็บอกว่าแขนของเธออยู่ที่ Valhalla แล้ว
21. ห้องของลูกชาย Heimdall
เราเห็นโปสเตอร์ของ Thanos อยู่ในห้องของ ลูกชาย Heimdall ชื่อ Astrid แต่เขาชอบชื่อ Axl มากกว่า โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Axl Rose หนึ่งในสมาชิกของวง Guns N’ Roses ที่ใช้เพลง Sweet Child O’ Mine ของวงนี้เป็นธีมเพลงของหนัง นอกจากนี้ในห้องของ Axl ยังมีมีโปสเตอร์ Guns N’ Roses อีกด้วย
22. ทำไม Jane และ Thor ถึงบอกวันเวลาไม่ตรงกันในช่วงที่ไม่เจอกันมานาน
หลังจากที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมานานหลังจากที่เลิกรากัน Jane บอกกับ Thor ว่าไม่ได้เจอกันมา สามถึงสี่ปีแล้ว ส่วน Thor ดูเหมือนจะทำได้ทุกวันเวลาที่เลิกกันเขาบอกว่า “แปดปี เจ็ดเดือน หกวัน” ดูแล้วเขารัก Jane มากตามที่เราทราบดีถึงจำวันที่จากกันได้ละเอียดจนถึงตอนนี้ เหตุที่ทั้คู่บอกจำนวนวันที่ไม่ได้เจอกันที่ไม่ตรงกันก็เพราะ Jane โดน Thanos ดีนิ้วเป็นฝุ่นไปใน Avengers: Infinity War
23. Timeline ที่เกิดขึ้นใน Thor: Love and Thunder
ประเด็นก่อนหน้าทำให้เราสามารถคาดเดาเส้นเวลาของเรื่องราวใน Thor: Love and Thunder ได้ ซึ่งทางผู้กำกับเองได้บอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame สี่ปี นั้นก็เป็นปี 2027 ซึ่งห่างไกลมากๆเลย แต่หลายๆสื่อก็วิเคราะห์ว่ามันไม่น่าไกลไปมากกว่านั้น ใน Avengers: Age of Ultron มาเรียฮิลยังถามถึงเจนซึ่งตอนนั้นทั้งคู่ยังไม่เลิกกันซึ่งเป็นช่วงปี 2015 ส่วน ซึ่งพวกเขาเลิกกันใน Thor: Ragnarok ในช่วง 2017 ถ้านับตามที่ Thor บอก 8 ปี 7 เดือน 6 วัน ก็น่าจะเป็นช่วงปลายๆปีของปี 2025 ไปจนถึงปี 2026 แต่ต้องรอดูความชัดเจนอีกทีในหนัง Guardian of the Galaxy อีกทีครับ
24. เมื่อ Thor รับโทรศัพท์จาก Nick Fury
ฉากนึงที่ Thor ย้อนอดีตถึงความสัมพันธ์กับ Jane ที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับมาตลอด ก่อนที่ Thor และ Jane จะเลิกรากันใน Captain America: The Winter Soldier ในปี 2014 ฉากนึง Thor ได้รับโทรศัพท์จาก Fury โดยเขาได้เซฟชื่อ Nick Fury ว่า Nick Furry ที่สะกดผิดนั่นเอง
25. หนังรวมลูกนักแสดง
ฉากที่ Korg เล่าเรื่องของ Thor ภาพก็ตัดมาที่ Thor ในวัยเด็กกำลังวิ่ง ซึ่งช๊อตนึงเป็น Tristan Hemsworth ลูกชายของ Chris Hemsworth ส่วน Sasha Hemsworth ฝาแฝดอีกคนเล่นเป็นเด็กๆที่ถูก Gorr จับตัวไป นอกจากนี้ Aleph และ Amala Millepied ลูกของ Natalie Portman รวมถึง Te Kainga O’Te Hinekahu และ Matewa Kiritapu ลูกสาวของ Taika Waititi แม้แต่ลูกของ Christian Bale Emmeline และ Joseph ก็เล่นเป็นเด็กชาว Asgard ที่ถูก Gorr ลักพาตัวไปเช่นกัน และตัวละครสำคัญนั่นก็คือลูกสาวของ Gorr หรือ Love ที่ฟื้นคืนชืพโดย Eternity แสดงโดย India Rose Hemsworth ลูกสาวของ Chris Hemsworth นั่นเอง
26. หญิงสาวที่เป็นความรักของ Thor ในอดีต
ฉากที่ Korg เล่าเรื่องราวความรักทั้งหมดของ Thor โดยมีหญิงสาวคนนึงที่นั่งอยู่บนหมาป่ายักษ์ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นแสดงโดย Elsa Pataky ภรรยาของ Chris Hemsworth อีกทั้งภรรยาของเขาก็เคยเข้าฉากจูบกับ Thor ในเครดิตของ Thor The Dark World อีกด้วย เรียกได้ว่าขนมาหมดบ้านมาแสดงหนังเรื่องนี้ กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสาวที่เป็นโจรสลัดหญิงที่จูบกับ Thor เธอคือ Zia Kelly เป็น stunt double ให้กับ Natalie Portman ก็มารับเชิญในฉากนี้ด้วยเช่นกัน
27. คำสลักบนค้อน Mjolnir
หลังจากที่ Jane เหวี่ยงค้อนที่ดูแล้วคล้ายกับ Steve ทำใน Endgame ซึ่งก็ทำให้เศษค้อนที่แตกกระจายไปสังหารพวกลูกน้องของ Gorr อย่างพวก Black Berserkers เราก็เห็นค้อนสลักด้วยอักษรรูนเขียนว่า “He Who Wields This Hammer Commands The Lightning and the Storm” ผู้ครอบครองค้อนนี้สามารถสั่งสายฟ้าและพายุได้
28. อีกาของ Odin
ในตำนานนอร์ส Huginn และ Muninn เป็นกาคู่นึงที่บินสังเกตการณ์ทั่วมิดการ์ดและอาณาจักรทั้งเก้าเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวให้กับ Odin ทราบ ซึ่งใน MCU ปรากฏมาในหนัง Thor สองภาคแรก โดยใน Thor: Love and Thunder ได้มีการพูดถึงอีกาของ Odin จาก Valkyrie และ Thor นั่นเอง รวมถึงร้านนึงใน New Asgard ชื่อว่า the Black Raven เป็นการสื่อถึงอีกาของ Odin ด้วยนั่นเอง
29. การตายของแม่ด้วยมะเร็ง
ฉากนึงที่ Jane นึกถึงแม่ที่ตายด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งใน MCU ของเราแม่ๆของตัวละครหลายตัวก็ตายด้วยโรคมะเร็งอย่างแม่ของ Star-Lord หรือ Meredith Quill ที่ตายเพราะโดน Ego ใส่เชื้อมะเร็งเข้าไปในตัวเธอ หรือแม่ของ Monica Rambeau ก็คือ Maria Rambeau เพื่อนรักของ Captain Marvel (Carol Danverse) ก็ตายด้วยมะเร็งในซีรีส์ WandaVision ซึ่งเธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร S.W.O.R.D หรือแม่ของ Jane Foster ที่ชื่อ Elaine Foster
30. เทพเจ้าที่ปรากฏในเรื่องนี้
- นอกจากเทพ Zeus ที่แสดงโดย Russell Crowe ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพที่ไม่ค่อยดูแลเหล่าผู้ศรัทธายังรักความสบายและขี้เกียจอีก ทำให้ Thor ทำร้าย Zeus จนเขาต้องการจะแก้แค้น
- ซึ่งเขาก็ส่งลูกชายอย่าง Hercules ที่แสดงโดย Brett Goldstein มาแก้แค้นและตามราวี Thor ซึ่งปรากฏอยู่ในฉากเอนเครดิตแรกของหนังเรื่องนี้
- นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงเทพ Ra เทพของอียิปต์ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับ Moon Knight ในคอมมิกรู้จักเทพ Ra ในนาม Atum และเป็นหนึ่งในกลุ่มเทพ Ennead อีกด้วย
- นอกจากนี้ก็มี Tumatauenga เทพเจ้าแห่งสงครามของชาวเมารี ที่ในคอมมิกเรียกว่า Ku
- นอกจากนี้ยังมี Quetzalcoatl เทพแห่งท้องฟ้าของชาว Aztec เคยร่วมมือกับ Thor ในการต่อสู้กับศัตรูในจักรวาลในคอมมิกอีกด้วย ซึ่งแสดงโดย Nico Cortez
- นอกจากนี้ยังมีมังกรไม่แน่ในว่าเป็นเทพมังกรที่เหมือนใน Shang-Chi หรือไม่
- เทพของชาวมายัน ที่แสดงโดย Imaan Hadchiti
- เทพธิดาชาวเมารี แสดงโดย Chayla Korewha
- เทพเจ้า Jademurai แสดงโดย Kuni Hashimoto ที่เป็นเหมือนเทพซามูไร
- เทพธิดา Elche Goddess Nicole Milinkovic ซึ่งเล่าถึงเด็กหนุ่มอายุ 14 รถคว่ำจนได้ไปเจอรูปปั่นนี้ ที่สเปน
- รวมถึงเทพติ่มซำที่มาแบบฮาๆอีกด้วย
- นอกจากนี้ยังมีเทพี Bast ที่ชาว Wakanda นับถือซึ่งมาเป็นร่างอวตารนั่งอยู่ข้างง่าง Jane โดยอวตารเทพี Bast แสดงโดย Akosia Sabet ในหนังไม่ได้มีการพูดถึงรายละเอียดตรงนี้มากนัก
- Stephen Hunter รับบทเป็น Fur god ใน Omnipotence City
- และยังมีการอ้างถึง Artemis และ Minerva เป็นสมาชิกของวิหารกรีก/โรมันในเทพนิยาย โดย Minerva เทพีโรมันแห่งปัญญา แสดงโดย Carmen Foon และ Artemis เทพีแห่งการล่า พงไพรและเนินเขา จันทราและคันศร เทพีแห่งการกำเนิดน้ำขึ้นน้ำลง แสดงโดย Priscilla Doueihy
- Simon Russell Beale แสดงเป็นเทพ Dionysus เทพเจ้าไวน์และงานเลี้ยงของกรีก
- Goddess of the Dead หรือเทพเจ้าแห่งความตายแสดงโดย Clariza Vicente
- เทพเจ้า Kronan ของเผาพันธุ์ Korg นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่คล้ายกับบัลลังก์ที่นั่งใน “Game of Thrones” ที่ทำมาจากดาบทั้งหมดแต่ของ เทพเจ้า Kronan ทำมาจากกรรไกร
- เทพเจ้าตาเดียว
31. ชื่อ Aegir บทเรือ
ซึ่งอ้างถึงชื่อของเทพเจ้านอร์สแห่งท้องทะเล นอกจากนี้ที่เรือยังมีไฟนีออนตัวอักษรเขียนว่า Cocktails and Dreams ที่อ้างถึงหนังของ Tom Cruise เรื่อง Cocktail ในปี 1988
32. Omnipotence City
เมือง Omnipotence City เปรียบเสมือนสภาของเทพเจ้า Council of Godheads ซึ่งใน MCU มีการออกแบบรูปเมือง Omnipotence ที่มีความคล้ายกับในคอมมิกมากๆ ซึ่งใน Thor: God of Thunder #3 เมือง Omnipotence เหล่าทวยเทพได้มีการพูดถึง การหายตัวไปของ Falligar ซึ่งชื่อของเขาปรากฏอยู่ที่ Hall of the Lost of Omnipotence City หรือรายชื่อของผู้ที่หายไป และ Thor ก็ไปเจอ Falligar เสียชีวิตที่บ้านเกิดของเขา นั่นบ่งบอกกว่า MCU ถอดแบบการชุมนุมของเหล่าเทพที่เมือง Omnipotence City ให้มีความคล้ายกับคอมมิกมากที่สุด
33. รอยสักของ Thor
หลังจากที่ Zeus เปลื้องผ้าของ Thor ที่หลังของเขาสักเป็น headpiece ของ Loki พร้อมกับคำว่า Rip Loki และคำว่า Brothers เพื่อเป็นไว้อาลัยของการจากไปของ Loki ใน Avengers: Infinity War แต่ ณ ตอนนี้ Loki เป็น Variant ตามเรื่องราวในซีรีส์ Loki ที่ส่งผลต่อการเกิด Multiverse ต่างๆ ซึ่งซีรีส์ Loki กำลังจะมีซีซันที่ 2 เร็วๆนี้ นอกจากนี้ นอกจากนี้รอบสักรูปกระดาษเขียนชื่อคนสำคัญที่ได้เสียชีวิตลงใน MCU ได้แก่ Mother, Father, Heimdall, Loki, Tony และ Natasha Romanoff นอกจากนี้ที่ด้านล่างรูปหัวใจแตกสลายเขียนว่า Rest in Mischief
34. Celestials ใน Thor: Love and Thunder
นอกจากเราจะเห็น Celestials อยู่ที่ Omnipotence City เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่คอยอารักขาเทพอีกที ถ้าให้วิเคราะห์กันเล่นๆ Celestials มีหลายระดับ หลายเผ่าพันธุ์เช่นกัน Ego พ่อของ Star-Load ก็เป็นอีกนึ่งสายพันธุ์ที่ดูต่างออกไป ในหนัง Eternal นำเสนอ Celestials ทำให้เกิดจักรวาล กำเนิดชีวิต การอุบัติพวกมันเอง และการทำลายล้าง เป็นวัฐจักร นอกจากนี้ในวิหารของเหล่า Cosmic Entity นอกจากเราจะเห็นรูปปั้นของ Death, Infinity, Eon, Uatu The Watcher, Living Tribunal แล้ว ยังมีรูปปั้นของ Celestials อยู่ถัดจาก The Watcher แต่พังลงระหว่างการต่อสู้ของ Thor และ Gorr นั่นเอง โดย Celestials ที่ปรากฏใน Omnipotence City มีลักษณะคล้ายกับ Celestial Gardener และ Celestial Ziran ในคอมมิกนั่นเอง
35. วิหาร Cosmic Entity
ฉากที่ Gorr มาที่วิหาร Cosmic Entity ที่ตั้งอยู่ใจกลางของจักรวาล เพื่อจะเปิดประตูเข้าไปหา Eternity เราจะเห็น Cosmic Entity มากมายตามที่ผมได้กล่าวเอาไว้ในข้อข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น Living Tribunal ที่ปรากฏเบาะแสมาแล้วตั้งแต่ Doctor Strange ภาคแรกที่ Mordo ได้ถือ Staff of the Living Tribunal ในซีรีส์ Loki ที่ปรากฏแต่หัวของ Living Tribunal ที่ The Void หรือใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness Stephen Strange และ America Chavez ก็ได้เข้าไปยังจักรวาลที่มีรูปปั้นของ Living Tribunal มากมายส่วน Watcher เราเห็นเขามาแล้วในซีรีส์ Marvel What if…? ซีซันแรกคาดว่าเราจะได้เห็นเขาอีกครั้งในซีซันที่ 2 เร็วๆนี้ ซึ่งในหนัง Guardians of the Galaxy ภาคแรกก็มีการพูดถึง Cosmic Entity ที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิด Infinity Stone ได้แก่ Death, Eternity, Entropy, Infinity นั่นเอง
36. เปิดตัว Eternity
ในเรื่องราวเป้าหมายของ Gorr คือการใช้ Bifrost จากขวาน Stormbreaker เพื่อเข้าถึงมิติของ Eternity ให้ได้ การออกแบบของ Eternity ใน Thor: Love and Thunder ได้รับการดัดแปลงมาจากคอมมิกเป็นอย่างมากและดูยังไม่น่าตื่นเต้นหรือเห็นอะไรมากนั่งแค่นั่งนิ่งๆเหมือนพระพุทธรูปเลย Eternity เป็นเหมือนร่างนามธรรมของชีวิตและสรรพสิ่งในจักรวาลรูปร่างของมันจะมีดวงดาวดาวเคราะห์ต่างๆมากมาย และใน Guardians of the Galaxy Vol.2 Star-Lord ยังพูดถึง Eternity อีกด้วย
37. พลังสายฟ้าที่ Thor ส่งให้เด็กๆ
ช่วงที่ Thor สร้างความมั่นใจให้เด็กๆมีความกล้าหาญ เหมือน Thor ใช้พลังที่ได้จากอาวุธสายฟ้าของ Zeus เพราะสีของพลังเหมือนของ Zeus แต่ใช้พลังโอดินฟอร์ซเป็นตัวส่งพลังผ่านให้เด็กแต่ละคน ซึ่งหนังยังบอกไม่ชัดเจนมากนักเราต้องมาหารายละเอียดกันต่อไป แต่ถ้าใครจำได้ในหนัง Thor ภาคแรก Odin ส่ง Thor มายังโลก เขากระซิบกับ Mjolnir ว่า “ใครก็ตามที่ถือค้อนนี้ ถ้าเขามีค่าควร เขาจะครอบครองพลังของ Thor” ใน “Love and Thunder” ก่อน Thor ให้พลังเด็กๆ เขาพูดให้กำลังใจเด็กๆ โดยใช้คำพูดที่ Odin ได้ให้ไว้นั่นเอง นอกจากนี้พลังที่ส่งต่อไปหาเด็กๆก็เป็นรูปไม้ อาจสื่อถึงต้นไม้ที่สันปกหนังสือของ ของตำนานไวกิ้ง ที่เจนหยิบขึ้นมาอ่านก่อนมาที่ New Asgard รวมถึงก็เหมือนรากของขวาน Strombreaker ที่ด้ามมันทำมาจากเจ้า Groot นั่นเอง
38. เด็กที่เป็น Lycan
กลุ่มเด็กที่ถูก Gorr จับไปมีเด็กคนนึงเหมือนลูกครึ่งหมาป่า ซึ่งอาจจะเป็นไลเคน ซึ่งอาจจะเป็นเด็กที่เกิดจาก Thor กับหมาป่าสาวก็เป็นได้ หรือไม่แน่ MCU ก็จะเริ่มปูทางโยงไปหา WereWolf By Night ที่มีข่าวว่าเราจะได้ชมในช่วงวันฮาโลวีนของปี 2022 นี้
39. เด็กตัวสีทอง
นอกจากนี้เรายังเห็นเด็กอีกคนนึงที่มีตัวเป็นสีทองทั้งตัว น่าจะเป็นชาว Sovereign
ที่ตอนนี้ราชินีของเขากำลังฟูมฟัก Adam Warlock ที่จะปรากฏตัวให้เราได้เห็นใน Gradient of the Galaxy ภาค 3 นั่นเอง
40. ทำไม Mjolnir เลือก Jane
ในหนังเรื่องนี้เปิดเผยว่าผลของเคมีบำบัดจากการรักษามะเร็งของ Jane เปลี่ยนไป ในขณะที่เธอใช้พลังของ Mjolnir เปลี่ยนร่างให้เป็น Mighty Thor ซึ่งการที่ Mjolnir เลือก Jane ให้คู่ควรเป็นเพราะ Jane เป็นคนทำให้ Thor คู่ควรกับค้อนหลังจากที่ค้อนไม่เลือก Thor ในหนัง Thor ภาคแรก อีกเหตุผลนึงก็คือ Thor ช่วยฝากฝังให้ Mjolnir ปกป้องเจน สองเหตุผลนี้ประกอบกันทำให้ Jane ได้กลายเป็น Mighty Thor ตามแบบที่เราเห็นจริงๆหนังน่าจะมีฉากที่เล่าเรื่องราวของ Jane ตอนกำลังเป็น Mighty Thor ครั้งแรกเพราะฉากการถ่านทำในกองถ่ายได้เผยให้เราได้เห็นในฉากนี้แต่ในหนังได้ตัดออกไป หลังจากที่อาการของ Jane ไม่ดี Mjolnir ต้องการมาอยู่เคียงข้างเจน ขณะที่เธออยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งอ้างมากจากคอมมิก Mighty Thor #704 นั่นเอง
41. คำพูดที่ Thor ต้องกลับมาหา Jane
ฉากนึงที่ Jane นอนรักษาอาการที่โรงพยาบาลซึ่ง Thor ไม่รอมให้ Jane ร่วมต่อสู้กับ Thor ด้วย เจนบอกว่า “You better come back to me” ซึ่งทำให้เรานึกถึงหนัง “Thor” และ “Thor: The Dark World” ที่ทั้งคู่จากกันพร้อมกับ Thor ที่สาบานว่าจะกลับมา แต่แล้วก็ทิ้งเขาเธอไว้บนโลกหลายปีก่อนจะกลับมา ซึ่งคราวนี้เจนปฏิเสธที่จะรอแจะใช้ค้อนแปลงร่างเป็น Mighty Thor ไปช่วย Thor ที่วิหารของ Cosmic Entity นั่นเอง
42. มิติของ Eternity
การที่เราได้เห็นมิติของ Eternity ทำให้นึกถึง Soul World มิติของ Soul Stone ที่ Thanos ได้เข้าไปหลังจากได้มณี หรือที่เขาได้ดีดนิ้ว มิติของ Eternity เหมือนเป็นดินแดนที่สุดลูกหูลูกตา มีน้ำปกคลุมนิดหน่อย แม้ว่าโทนทีและแสงจะดูแตกต่างกันกับ Soul World ก็ตาม
43. Love ลูกสาวของ Thor ใช้ Singularity หรือไม่
เมื่อ Gorr ขอพรให้ลูกสาวของเค้าคืนชีพกลับมา ดูเหมือนว่าความปรารถนานี้สำเร็จ ฉากที่หนูน้อยคนนี้ปรากฏตัวที่เงาของเธอบนผิวน้ำ มีภาพสะท้อนแสดงตัวตนของเธอว่ามีความเหมือนตัวละคร Singularity ในคอมมิกอย่างชัดเจน นั่นทำให้หนูน้อย Love มีพลังเป็น Cosmic Being เพราะเธอถือกำเนิดมาจาก Eternity เพราะ Korg อธิบายว่าเธอเป็น “เด็กที่เกิดจาก Eternity” ชื่อเล่นว่า Love โดย Thor สาบานว่าจะดูแล Love เพื่อเป็นเกียรติแก่การสูญเสียความรักของเค้าไปอย่าง Jane Foster นั่นเอง นั่นจึงทำให้เราได้เข้าใจถึงที่มาของชื่อเรื่อง Thor: Love and Thunder อัครมองว่าน้อง Love อาจเป็น Singularity ในเวอร์ชันของ MCU ก็เป็นได้ อีกประเด็นนึงคือในคอมมิกมีตัวละครชื่อ Mistress Love เป็น Cosmic Entity ที่เป็นศูนย์รวมของความรัก ซึ่ง MCU อาจจะเอาชื่อมาจากประเด็นนี้ก็เป็นได้
น้อง Love แสดงโดยลูกสาวของ Chris Hemsworth ชื่อว่า India Rose Hemsworth ซึ่งปล่อยพลังที่ดวงตาได้และน่ารักมากๆ MCU น่าจะตีความ Singularity ให้ต่างออกไปจากคอมมิกและตัวละครตัวนี้น่าสนใจและมีอะไรให้เล่นอีกเยอะในอนาคตของ MCU ณ ตอนนี้ MCU มีอีกหนึ่งตัวละครที่มีพลัง Cosmic เล่นเดียวกันนั่นคือ Kamala Khan หรือ Ms. Marvel เราต้องมาดูกันต่อไปว่า MCU จะโยงเรื่องราวให้ทั้งคู่ได้มาพบกันหรือไม่
44. สิ่งที่ Jane กระซิบบอก Thor คืออะไร
ฉากนึงที่ Jane กระซิบข้าหู Thor เรายังไม่รู้ว่า Jane พูดว่าอะไร แต่ถ้าเราเทียบเคียงกับคอมมิก ในคอมมิก “Original Sin” ของ Marvel Nick Fury กระซิบบางสิ่งที่ไม่เคยเปิดเผยเข้าหูเข้าหูของ Thor และมันทำให้ Thor ไม่คู่ควรที่จะยกค้อน Mjolnir ขึ้น จนกระทั่งคอมมิก “The Unworthy Thor” เล่มที่ 5 คำพูดของ Fury ที่กระวิบที่ข้างหู Thor ถูกเปิดเผยว่า “Gorr was right,” หรือ “Gorr พูดถูก” ซึ่งฉากในตอนจบของ Thor: Love and Thunder อาจเป็นฉากที่ตรงกันข้ามกับฉากในคอมมิกที่อัครพูดถึง ทำให้รู้สึกว่า Jane ได้ทำให้ Thor มีความคู่ควรกับ Mjolnir เพิ่มขึ้นและอาจเป็นไปได้ว่า Jane อาจกลับมาอีกครั้งเพื่อมาตอบว่า Jane ได้กระซิบว่าอะไรกับ Thor นั่นเอง
45. อนุสาวรีย์ Mighty Thor
หลังจากที่เรื่องราวสงบลง New Asgard มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อสดุดีถึงความเสียสละของ Jane สังเกตว่าที่ค้อนก็เป็น Mjolnir เวอร์ชันที่แตก
46. ฝึกรุ่นต่อไป
จากนั้น King Valkyrie ก็ฝึกเด็กๆของขาว Asgard โดยเธอใส่เสื้อที่เขียนว่า New Asgard Kings #1 และ Sif ก็กำลังฝึก Axl ส่วนตัว
47. ความรักของ Korg
หลังจากที่ร่างกายของเขางอกออกมาปกติ Korg ก็พบกับหนุ่มที่ถูกใจ ชื่อ Dwayne อ้างถึง Dwayne Johnson หรือ The Rock
48. Thor และ Love
ฉากที่ Thor ทำอาหารเช้าให้ Love เป็นแพนเค้กแบบเดียวที่ Thor ทำให้ Jane นอกจากนี้ Love ก็กำลังอ่านหนังสือของ Jane จากนั้นทั้งคู่ก็ถือค้อนและขวานเดินออกไปข้างนอก พร้อมกับท่ากระโดดสุดแท่ที่ขณะที่เพลง Sweet Child O’ Mine ดังขึ้นอีกครั้ง เพลงนี้เล่าเรื่องราวของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะน้องเพลง Sweet Child of Gorr ที่เกิดใหม่จากความรักและได้รับการดูแลด้วยความรักนั่นเอง
49. Valhalla ชีวิตหลังความตายของชาวนอร์ส
ฉากเอนเครดิต ของ Thor: Love and Thunder เผยให้เห็นว่า Jane Foster ปรากฏตัวของ Jane ในดินแดน Valhalla โดยนำไอเดียนี้มาจาก The Mighty Thor #706 ซึ่งเจนเสียชีวิตและพบว่าตัวเองอยู่ที่ประตู Valhalla
Valhalla ของ MCU ก็คือ นักรบสามารถไปที่ Valhalla ได้หากพวกเขาตายอย่างสมเกีรยติของชาว Asgardian ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะสื่อให้ Jane มีความเสียสละและเป็นส่วนสำคัญของเหตุการณ์ในครั้งนี้ แม้ว่า Jane จะไม่ใช่ชาว Asgardian แต่การกระทำของเธอเหมาะสมแล้วที่จะสามารถไป Valhalla ได้ ซึ่งเจนก็ได้ไปพบกับ Heimdall มายืนต้อนรับเธอที่ Valhalla การกลับมาของ Jane เป็นไปได้ 2 แนวทางขึ้นอยู่กับนักแสดง Natalie Portman ถ้าเธอไม่กลับมาถือว่าเป็นจุดจบที่สวยงามของ Jane อย่างแท้จริง แต่ในคอมมิก Jane สามารถกลับมาได้อีกครั้งจากการชุบชีวิตด้วยพลังของ Mjolnir และการช่วยเหลือของ Odin ที่สถิตอยู่ที่ Valhalla ทำให้ Jane ได้มาเกิดใหม่เป็น Valkyrie ที่พลังมากกว่าที่เคย ซึ่งจากฉากที่ Jane และ Heimdall เจอกันอาจแฝงด้วยโอกาสที่ทั้งคู่จะสามารถกลับมาโลดแล่นใน MCU ได้อีกครั้ง
50. ความหมายจริงๆของคำว่า Love & Thunder ด้วยรักและอัสนี
Love & Thunder เป็นความหมายโดยนัยที่บ่งบอกว่า Thor พยายามเยียวยาจิตใจของเขาหลังจากที่เขาเสียหลักกับชีวิตด้วยความรักในครั้งนี้ Gorr ได้สละชีวิตตัวเองเพื่อคืนชีพลูกสาวและไถ่บาปต่อการการทำที่เขาได้สังหารเทพเจ้า ในตอนจบของหนังเรื่องนี้ชัยชนะของ Gorr หรือ Thor ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่าการล้างแค้น Thor เลือกที่จะใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของเขาเพื่อดูแลเจนแทนที่จะไปฆ่า Gorr ให้ตาย และ Gorr เองเลือกที่จะนำลูกสาวกลับมาแทนที่จะฆ่าล้างบางศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ท้ายที่สุดแล้ว Thor: Love and Thunder เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักและการยอมรับเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการแก้แค้นผ่านพลังสายฟ้าที่ตัวละครได้ครอบครองนั่นเอง ดูเหมือนว่า Thor เข้าใจโลกมากขึ้นมากกว่าการที่เขาเป็นคนที่ต้องการเอาชนะและหัวร้อนอย่างที่เค้าเคยเป็นที่ผ่านมานั่นเอง