จากตัวอย่างของ Spider Man: No Way Home ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจนยอดดูรวมวันแรก แซงหน้าตัวอย่างของ Avengers: Endgame ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งน่าจะเป็นที่ทราบดีว่า Spider Man: No Way Home คือการเชื่อมโยงต่อไปยัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่ผู้กำกับ Sam Raim รับหน้าที่ประสานเรื่องราวนี้ให้เป็นบทสรุปที่ชัดเจนของเรื่องราวที่เกี่ยวกับ Multiverse นี้ แน่นอนครับทำให้ Doctor Strange คือตัวละครที่ดูมีความน่าสนใจที่สุดของ MCU ในตอนนี้
เรื่องราวของ Multiverse ได้ถูกให้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดใน Spider Man: No Way Home ซึ่งไม่รู้ว่ารอบนี้จะโดน MCU แกงอีกหรือไม่แต่ผมมองว่าคราวนี้น่าจะเป็นของจริงสักที ซึ่งจากตัวอย่างคาถาที่ Peter ขอให้หมอแปลกใช้ในตัวอย่างดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดความจริงที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่เราได้เคยเจอมา ซึ่งในทางกลับกันก็เกิดคำถามว่า Doctor Strange สามารถติดต่อกับไทม์ไลน์คู่ขนานนี้ได้จริงๆหรือไม่ หรือเขามีพลังมากพอที่จะสามารถสร้างมันขึ้นมาเอง
ในซีรีส์ Loki ได้บอกถึงการสร้างจักรวาลทางเลือกที่แตกต่างออกไป โดยการที่ต้องมีการการทำบางอย่างที่แตกต่างจากการถูกกำหนดไว้ในไทม์ไลน์หลักหรือเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ตามที่ He Who Remains ได้กำหนดไว้ ซึ่งถ้าใครไม่เข้าใจแนะนำให้ไปดู ซีรีส์ Loki ซีซีน 1 ครับ ในขณะที่ซีรีส์ What If…? ได้เล่าถึงความจริงทางเลือกอื่นๆที่ต่างออกไปจากไทม์ไลน์หลักของ MCU ซึ่งทาง MCU ได้ออกมายืนยันว่ามันมีความเชื่อมโยงในบางส่วนของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์นี้ ซึ่งจากตัวอย่างที่เราเห็น Doctor Strange ใช้คาถาในการที่จะช่วย Peter เป็นเพียงเวทย์มนตร์ ที่ไม่ได้ถูกทำให้เกิดเหตุการณ์ Nexus แต่ก็ดูเหมือนไทมไลน์ใหม่นี้ Doctor Strange สร้างขึ้นมาเองโดยไม่ทำให้ไทม์ไลน์เดิมเปลี่ยนแปลง
ซึ่งการร่ายคาถาของ Doctor Strange เป็นวงแหวนรอบตัวเหมือนกับเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ล้อมรอบปราสาทของ He Who Remains อยู่นั่นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพียงสมมติฐาน แต่จากสิ่งที่เราเชื่อมโยงกันทั้งหมดนี้ ทำให้เราคิดว่า Doctor Strange สามารถสร้างจักรวาลคู่ขนานขึ้นเองได้ นอกจากลุคล่าสุดที่หมอแปลกของเราดูมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้ว บวกกับ ณ ตอนนี้เราทราบเพียงว่า Time Stone ที่ Eye of Agamotto นั่นก็อาจจะยังไม่กลับคืนมา แต่เชื่อว่าพลังของหมอแปลกก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อยโดยไม่ต้องพึ่ง Time Stone ด้วยซ้ำ ซึ่งในประเด็นเรื่องมณีเวลานี้เราต้องติดตามความชัดเจนในหนังจริงๆ แต่อย่างน้อย Michael Waldron ผู้เขียน Multiverse of Madness บอกว่า หมอแปลก ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถในการสร้างจักรวาลของตัวเองได้เท่านั้น เขายังมีความมั่นใจในการที่จะทำอะไรอย่างอื่นมากขึ้นอีกด้วย
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ Peter ขอนั่นหมอแปลกจะจัดให้ตามที่ขอเพื่อส่ง Peter เข้าสู่จักรวาลใหม่ ซึ่งเชื่อว่าการกระทำของหมอแปลจะไม่ส่งผลให้เกิดเป็น “butterfly effects” อย่างแน่นอน เพราะเส้นเวลาใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างจักรวาลคู่ขนานต่อไปจาก ณ เวลาเดิมที่แตกออกมา ที่ตรงตามเงื่อนไขที่ TVA ได้วางเอาไว้ใน MCU อย่างแน่นอน มันอาจจะมีไทม์ไลน์ที่เชื่อมโยงมาตัดกันซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นใน MCU ปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้ ซึ่งเรื่องราวของ MCU เฟส 4 ยังเป็นอะไรที่เราต้องศึกษากันอีกมากเพราะมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นและขยายขอบเขตออกไปมากกว่าที่เราจะรู้ได้ และพลังของ Doctor Strange จะขยายขีดความสามารถไปได้มากแค่ไหน ยังไงเราต้องมาติดตามใน Spider-Man: No Way Home จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 17 ธันวาคม นี้ครับ
